“ชีวิตที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้”เปิดประวัติ พ.ต.ท.ดร.ปุริมพัฒน์ ธนาพันธ์สิริ กับบทบาทใหม่ในฐานะอาจารย์พิเศษ

26 May 2020

พ.ต.ท.ดร.ปุริมพัฒน์ ธนาพันธ์สิริ ตำแหน่ง นายเวรผู้บัญชาการยุทธศาสตร์ตำรวจ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 59 จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ และปริญญาเอกสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ผู้ที่โดดเด่น น่าจับตามองทั้งในสายงานตำรวจ ที่มากความสามารถทางด้านการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม และการบริหารงาน เรียกได้ว่าครบเครื่อง และอนาคตไกลเลยทีเดียว ที่ช่วงนี้ผันตัวจากมือปราบ สู่วงการวิชาการ รับบทเป็นอาจารย์พิเศษประจำมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เส้นทางชีวิตจะเป็นมาอย่างไร ทางเราจะมาเล่าให้ฟัง

“ชีวิตที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้”เปิดประวัติ พ.ต.ท.ดร.ปุริมพัฒน์ ธนาพันธ์สิริ กับบทบาทใหม่ในฐานะอาจารย์พิเศษ

อะไรที่ทำให้ตัดสินใจให้มาเป็นตำรวจ?

ผมเชื่อว่า ตำรวจ เป็นความใฝ่ฝันในวัยเด็กของคนหลายๆคน ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2543 หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง หลายอาชีพที่เคยรุ่งเรืองกลับต้องตกงาน อาชีพราชการเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มั่นคงและสามารถดูแลครอบครัวได้ แล้วราชการไหนล่ะที่สามารถดูแลครอบครัวของเราไปพร้อมกับ ดูแลผู้อื่นได้ด้วย ตำรวจจึงเป็นคำตอบของผมในขณะนั้น จากผู้สมัครทั่วประเทศกว่า 30,000 คน สามารถเข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้เพียง 250 คนเท่านั้น ถือว่าก้าวแรกของการแข่งขันนั้นไม่ง่ายเลยทีเดียว ต้องผ่านการทดสอบทั้งความรู้ความสามารถ สภาพร่างกาย และสภาพจิตใจอีกหลายขั้นตอนเลยก็ว่าได้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้เริ่มอาชีพที่ผมรัก

แอบรู้มาว่า นอกจากความสามารถด้านการสืบสวน ปราบปรามอาชญากรรมแล้ว ส่วนตัวยังสนใจเรื่องธุรกิจอีกด้วย?

ใช่ครับ เพราะครอบครัวผมทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต และส่วนตัวเองก็สนใจด้านอสังหาริมทรัพย์ และการเงินเป็นพิเศษอีกด้วย ผมชอบศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ รู้สึกว่าโลกมันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ถ้าเราไม่ปรับตัวไม่คอยหาความรู้เพิ่มเติม ก็จะไม่ทันโลก แต่ด้วยงานราชการที่ค่อนข้างแน่น ผมจึงเลือกหาความรู้ใหม่ๆทางออนไลน์ และลงเรียนคอร์สระยะสั้น ที่มีโอกาสได้พบกับบุคคลหลากหลายอาชีพ ทั้งราชการ และนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จหลายด้าน ตลอดจนได้มีการพูดคุย และแลกเปลี่ยนมุมมอง นั่นเองเป็นวิธีที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ

อะไรทำให้ตัดสินใจมารับบทบาทอาจารย์เพิ่มเติม?

เมื่อได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้ไปสอนที่มหาวิทยาลัย ทำให้ความฝันของผมที่จะได้แบ่งปันความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่มี ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการพัฒนาตนเอง และพัฒนาประเทศ ผมรู้สึกยินดีมากครับ ที่ได้รับบทบาทนี้และจะทำให้เต็มที่ แม้ตารางเวลาค่อนข้างแน่น ทั้งงานราชการ และงานที่ปรึกษาบริษัทเอกชนหลายแห่ง แต่เมื่อโอกาสมาถึงผมไม่เคยปล่อยให้มันผ่านไปครับ และจะทำให้ดีที่สุด

อยากจะฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่

อาชีพตำรวจ เป็นอาชีพที่ผมรักและภาคภูมิใจ เป็นอาชีพที่ใกล้ชิดกับประชาชน บางครั้งก็น่าน้อยใจเพราะมีประชาชนบางส่วนที่มองอาชีพของเราในแง่ร้าย ก็เหมือนกับทุกอาชีพแหละครับ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ผมใช้เวลาอย่างเต็มที่ในอาชีพตำรวจ และหลังจากเลิกงานก็จะให้เวลากับการศึกษาและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพราะยุคนี้ความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียนและความรู้ในใบปริญญาก็ไม่เพียงพออีกต่อไป

ต้องขอบคุณครอบครัวครับที่เข้าใจ เราจึงสามารถทำสิ่งที่เราชอบได้หลายอย่าง ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีความฝัน และทำมันให้ได้ ถึงแม้หนทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เวลาเจออุปสรรคเราจะฝ่าฟันมันไปได้ด้วยความสุขครับ