- เริ่มกันที่ระบบไฟส่องสว่าง ควรตรวจเช็กและทำความสะอาดไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอกว่ามีแสงส่องสว่างเพียงพอและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพราะการขับขี่ท่ามกลางสายฝนต้องมีทัศนวิสัยที่ดีและยังช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถเราได้ชัดขึ้น และอีกหนึ่งข้อควรรู้สำหรับผู้ขับขี่ยามฝนตกคือห้ามเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับรถ เพราะอาจทำให้ผู้ที่ขับตามหลังไม่รู้ว่าเราต้องการจะไปทางซ้าย ขวา หรือจอดรถอยู่
- ตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยอายุการใช้งานของยางไม่ควรเกิน 2 ปี หรือระยะทางประมาณ 50,000 กม. และควรสับเปลี่ยนยางรถยนต์ที่ระยะทาง 10,000 กม. นอกจากนี้ เนื้อยางต้องไม่แข็ง ดอกยางต้องลึกมากกว่า 2 มม. และหมั่นตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ตรวจเช็กระบบปัดน้ำฝน หากปัดแล้วมีคราบน้ำเป็นเส้น ไม่สะอาดใส หรือมีเสียงดังขณะใช้งานควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนทันที เพราะในกรณีที่ฝนตกหนักและใบปัดไม่สามารถรีดน้ำออกได้อาจเป็นอันตรายในการขับขี่ นอกจากนี้ ควรตรวจเช็กสวิทช์ควบคุม อัตราความเร็วในการปัด หัวฉีดน้ำ และถังพักน้ำ ให้พร้อมใช้งาน
- ตรวจเช็กสภาพเบรกให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยปกติผ้าเบรกและน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนที่ระยะทาง 50,000 กม. หรือไม่ควรเกิน 2 ปี และควรเช็กระดับน้ำมันเบรกทุกสัปดาห์
- เตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นร่ม เสื้อกันฝน ไฟฉาย อุปกรณ์ซ่อมฉุกเฉิน เช่น สเปรย์ไล่ความชื้น สายลากรถ สายพ่วงแบตเตอรี่ และเบอร์ประกันรถยนต์ของคุณ ติดรถไว้เผื่อยามจำเป็น
- ข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือ การขับรถด้วยความระมัดระวัง มีสติ ไม่ประมาท โดยในช่วงฝนตกหนักควรปรับระดับความเร็วให้เหมาะสม ไม่ขับจี้ท้ายรถคันหน้าเกินไป เว้นระยะห่างประมาณ 10-15 เมตรขึ้นไป และไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหันเพราะรถอาจลื่นไถลได้ แนะนำให้ลดความเร็วโดยใช้เกียร์ต่ำและค่อยๆ เหยียบเบรกจะดีที่สุด
หากทำได้ตามนี้ถึงสภาพอากาศฟ้าฝนจะไม่เป็นใจ แต่เราก็สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และเพิ่มความอุ่นใจให้ทุกการเดินทางเพื่อคุณและคนที่คุณรักด้วยประกันรถยนต์จากบริษัทที่เชื่อถือได้และควรเลือกแบบประกันภัยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ สามารถสมัครใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว พร้อมรับความคุ้มครองทันที เพียงเท่านี้ก็พร้อมเดินทางได้อย่างสบายใจในทุกวัน
สามารถติดตามความรู้ พร้อมเทคนิคดีๆ จาก “อาคเนย์ประกันภัย” ผ่านทางเฟซบุ๊ก อาคเนย์ Southeast คลิก https://www.facebook.com/Segsoutheastpage/