พบกับ Active Zone Minutes วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเฉพาะตัวเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า พร้อมยกระดับการออกกำลังกายกับบริการ Fitbit Premium ฟิตทั้งกายและใจในทุกสถานการณ์ ทดลองใช้ฟรี 90 วัน
ฟิตบิท เปิดตัว Fitbit Charge 4 ต่อยอดไลน์สินค้ายอดนิยม[1] พร้อมส่งต่อที่สุดแห่งความทันสมัยด้วยเซนเซอร์และฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น GPS ในตัว และฟังก์ชัน Spotify[2] นอกจากนี้ Charge 4 ยังมาพร้อมสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุดสำหรับฟิตเนสแทรคเกอร์ ด้วยฟีเจอร์พร้อมใช้งานอัจฉริยะ แบตเตอรี่ที่มีอายุยาวนานกว่า 7 วัน[3] ดีไซน์สำหรับกันน้ำ[4] ทั้งหมดในราคาที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของ โดย Charge 4 ยังมาพร้อมกับ Active Zone Minutes ฟีเจอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมเปรียบเทียบกับอายุ เพื่อตอบสนองทุกกิจกรรมของผู้ใช้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับคนรักสุขภาพ ฟิตบิทได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ลงใน Fitbit Premium อาทิ โปรแกรมออกกำลังกายจากแบรนด์ดังอย่าง barre3, Down Dog, และ Physique 57 และเครื่องมือที่ช่วยให้ทุกคนฝึกฝนจิตใจ ตั้งเป้าหมาย และอีกมากมาย พร้อมกันนี้ฟิตบิทยังมีเนื้อหาด้านสุขภาพ ให้ใช้ฟรีกว่า 40 ชิ้น พร้อมเปิดให้ทดลองใช้ Fitbit Premium โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 90 วัน ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดอุปกรณ์ใหม่ ซอฟต์แวร์และข้อมูลต่างๆ ฟิตบิทพร้อมที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพให้กับผู้ใช้อย่างครบวงจร
“เป้าหมายหลักของฟิตบิทคือการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้คนทั่วโลกมีสุขภาพที่ดี ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เราเล็งเห็นความสำคัญของเป้าหมายนี้ยิ่งกว่าที่เคย เราเข้าใจว่าการพยายามใส่ใจกับเรื่องสุขภาพและการกินดีอยู่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับอย่างเพียงพอนั้นจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้” เจมส์ พาร์ค ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งฟิตบิทกล่าว “เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานไปถึงเป้าหมายด้านสุขภาพที่ตั้งไว้ เราได้เปิดให้ทดลองใช้บริการ Fitbit Premium พร้อมเพิ่มเนื้อหาใหม่ที่เหมาะกับการดูแลตัวเองขณะอยู่บ้าน เพื่อให้ทุกคนได้รักษาสุขภาพในแบบฉบับของตัวเองและมีตัวช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจตลอดเวลา”
พบกับแทรคเกอร์ดีไซน์ล้ำสมัยที่สุดจากฟิตบิท พร้อมยกระดับความฟิตและดูแลสุขภาพแบบเชิงลึก
พบกับ Active Zone Minutes เป็นครั้งแรกใน Charge 4 ด้วยการออกแบบสุดอินโนเวทีฟ พร้อมการใช้งานแบบครบครันด้วย GPS เซนเซอร์ใหม่ล่าสุด แบตเตอรี่อายุใช้งานยาวนาน แต่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์สุดพรีเมียม บางเบา กันน้ำ2 และราคาที่จับต้องง่ายได้ ตอบโจทย์การใช้งานตลอดทั้งวัน (และตลอดคืน) ด้วยปุ่มกดแบบ inductive หน้าจอกันรอย พร้อมปรับความสว่างของหน้าจอทัชสกรีนเพื่อการใช้การในแสงธรรมชาติ
ฟังก์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง built-in GPS นี้ ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถออกจากบ้านเพื่อทำกิจกรรมกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ออกไป ซึ่งผู้ใช้จะยังสามารถแทรคความเร็วของการวิ่งและระยะทางได้แบบ real-time นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายได้มากกว่า 20 โหมด เช่น การเดินป่า การวิ่ง หรือเดินเร็ว หลังจากการออกกำลังกายพร้อมใช้งาน GPS ในตัวแล้ว ผู้ใช้สามารถซิงค์อุปกรณ์เข้ากับแอปพลิเคชันฟิตบิท เพื่อวัดค่าการใช้งานในระบบ GPS-powered heat map[5] สำหรับตรวจสอบความหนักเบาของการออกกำลังกาย โดยจะวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจและพร้อมที่จะพัฒนาการออกกำลังในระดับต่อไป
เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย พร้อมปลดล็อคสุขภาพที่ดีกว่าไปกับ Active Zone Minutes
เนื่องจากทุกคนมีกิจกรรมที่ต่างกันในแต่ละวัน ทำให้ฟิตบิทคิดค้น Active Zone Minutes ออกมาให้ผู้ใช้เข้าใจกิจวัตรและผลลัพธ์ต่อสุขภาพโดยรวมของตนเองมากกว่าจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน[6] โดย Active Zone Minutes จะช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านระบบ PurePulse(R) 24/7 ของฟิตบิท ผ่านการออกกำลังกายหลายรูปแบบ อาทิ HIIT โยคะ หรือเดินเร็ว ซึ่งในแต่ละนาทีของกิจกรรมเผาผลาญไขมัน ผู้ใช้จะได้รับเครดิตและดับเบิลเครดิตสำหรับกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากขึ้นในคาดิโอและกิจกรรมขั้นสูง โดย Active Zone Minutes นั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจการออกกำลังกายของตัวเองและปริมาณการออกกำลังกายในแบบเฉพาะตัวให้เข้ากับเป้าหมายรายวัน และรายสัปดาห์[7] นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบเตือนแบบ real-time ขณะออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถประเมินว่าควรเพิ่มหรือลดความหนักจากกิจกรรมที่ทำอยู่ โดยหลังการออกกำลังกาย ฟิตบิทสามารถประมวลอัตราการเต้นของหัวใจโดยรวมในแอปพลิเคชัน เพื่อให้ผู้ใช้พร้อมท้าทายตัวเองในทุกๆ วันและทำให้ทุกนาทีคุ้มค่าและมีความหมายที่สุด
Active Zone Minutes ถูกพัฒนาขึ้นตามคำแนะนำด้านสุขภาพจากสถาบันด้านสุขภาพระดับโลก ซึ่งรวมไปถึง World Health Organization (WHO) และ American Heart Association ซึ่งแนะนำให้ออกกำลังกายแบบทั่วไป 150 นาที และออกกำลังแบบหนัก 75 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ป้องกันโรคต่างๆ พัฒนาการทำงานของสมอง ลดภาวะกระสับกระส่าย และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ
ปรับการนอนให้ดีกว่า และไปให้ถึงเป้าหมายกับ Charge 4
การนอนหลับเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสุขภาพโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งฟีเจอร์ตรวจสอบการนอนของฟิตบิทได้รวมอยู่ใน Charge 4 เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจและปรับพฤติกรรมการนอนหลับให้มีคุณภาพ โดยที่ผ่านมา ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์ของฟิตบิทเท่านั้น ซึ่งฟีเจอร์ Smart Wake (พร้อมเปิดให้บริการเร็วๆ นี้) จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยปลุกผู้ใช้ให้ตื่นตามเวลาที่เหมาะสม และ Sleep Score ทำให้ผู้ใช้สามารถดูคะแนนด้านการนอนหลับได้ในแอปพลิเคชันฟิตบิท เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านคุณภาพการนอนของตนเองในทุกวัน นอกจากนี้ Charge 4 ยังมีฟีเจอร์สำหรับการนอนหลับอีกมากมาย ที่จะช่วยให้ทุกคนมีคุณภาพการนอนหลับที่ดี ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายจากบนข้อมือ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งปลุกหรือระบบการนอนหลับ[8]
Charge 4 ยังมาพร้อมกับเซนเซอร์ SpO2 ให้ผู้ใช้ได้อ่านกราฟ Estimated Oxygen Variation หรือระดับออกซิเจนในเลือดจากแอปพลิเคชันของฟิตบิท เพื่อประเมินความเข้มข้นของค่าออกซิเจนในเลือด ซึ่งจะช่วยในการประเมินผลการหายใจในช่วงนอนหลับได้
นอกจากนี้ Charge 4 ยังมีฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ทุกคนต่างหลงรักอย่าง SmartTrack(R) ระบบแทรคกิจกรรมแบบอัตโนมัติที่แสดงผลตั้งแต่คะแนนและผลจากการออกกำลังกายแบบคาดิโอ การเดินขึ้นบันได พร้อมระบบแจ้งเตือนทุกๆ ชั่วโมง การแทรคสุขภาพสำหรับสุภาพสตรี การแทรคอาหาร น้ำ และน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีแรงผลักดันที่พร้อมส่งต่อให้กันจากเน็ตเวิร์คทั่วโลกจากกลุ่มคนออกกำลังกายกว่า 30 ล้านคน รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ความรู้ในด้านการออกกำลังกายและนอนหลับผ่านฟิตบิทเพื่อให้ทุกคนเข้าใจและสามารถเชื่อมโยงการดูแลสุขภาพกายและใจไปพร้อมๆ กัน
เพิ่มแรงผลักดัน พร้อมสะดวกสบายไปกับฟีเจอร์แสนฉลาด
Charge 4 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่าเดิม เพื่อตอบโจทย์ของการเป็นโค้ชทางด้านสุขภาพที่คอยดูแลผู้ใช้ตลอดเวลาแต่ก็ไม่รบกวนจนเกินไป โดยอุปกรณ์ใหม่นี้เป็นแทรคเกอร์ตัวแรกจากฟิตบิทที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Spotify ได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถฟังเพลย์ลิสต์โปรดระหว่างออกกำลังกาย โดยสามารถกดเลือกเพลง เปลี่ยนเพลง กดข้าม และยังกด Like เพลงจากข้อมือได้อีกด้วย นอกจากนั้นฟิตบิทยังมาพร้อมระบบแจ้งเตือนการโทรเข้า ข้อความ ตารางเวลา และการเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อกับครอบครัวและเพื่อนได้ตลอดเวลา ผ่านการตอบแบบทันทีจากแอนดรอยด์ด้วย on-the-go[9] หรือเลือกปิดเสียงเตือนด้วยโหมด Do Not Disturb พร้อมเพิ่มระบบจ่ายเงินบนข้อมือของคุณด้วย Fitbit Pay(TM) ที่ให้บริการในกว่า 500 ร้านค้า ใน 44 ประเทศ และระบบขนส่งกว่า 10 แห่งทั่วโลก[10]
Charge 4 มาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานยาวนานกว่า 7 วัน[11] ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานและพร้อมมีแรงขับเคลื่อนตลอดเวลา ซึ่งมาพร้อมกับระบบทัชสกรีนและกราฟฟิกเชิงตอบโต้ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ เข้าถึงสิ่งสำคัญในชีวิตได้อย่างง่ายดายเพียงดูจากข้อมือของตัวเอง
พบกับข้อเสนอสำหรับ Fitbit Premium ที่เพิ่มคุณค่าให้แพลตฟอร์มของฟิตบิท
สำหรับผู้ใช้ฟิตบิทที่ต้องการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานด้านคำแนะนำ การดูแล และเพิ่มแรงบันดาลใจ ด้านสุขภาพ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญในปัจจุบัน Fitbit Premium เพิ่มระดับการบริการสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันของฟิตบิท ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่และทุกเวลา สามารถช่วยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ฟิตบิทรวบรวมมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปี รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาการและการแพทย์ เพื่อช่วยดูแลผู้ใช้ด้วยโปรแกรมแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ทั้งในส่วนของพฤติกรรมการนอนหลับ ข้อมูลส่วนตัวเชิงลึก การออกกำลังกายกว่าพันรายการ การตั้งเป้าหมายท้าทายใหม่ๆ พร้อมผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ช่วยให้ทุกคนขยับร่างกายมากขึ้น นอนหลับสนิทมากขึ้น และมีโภชนาการที่ดีขึ้น
“ฟิตบิทได้เริ่มให้บริการ Premium เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขของผู้ต่ออายุบริการและการใช้งานมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามองเห็นถึงผลลัพธ์ที่มีประโยชน์ในด้านสุขภาพกายและใจของผู้ใช้” โจนาธาน โอ๊ก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านสินค้าและการออกแบบกล่าว “ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บริการเพิ่มจำนวนก้าวเดินจากน้อยกว่า 5,000 ก้าวต่อวัน เป็น 16,000 ก้าวต่อสัปดาห์ในระยะเวลาสองสัปดาห์แรกหลังเริ่มใช้บริการ Premium[12] ซึ่งเป็นหนึ่งเครื่องพิสูจน์ว่าบริการนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาสุขภาพและความแข็งแรงของผู้ใช้”
นอกจากนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลผู้ใช้ฟิตบิทในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน ฟิตบิทได้ปล่อยเนื้อหาใหม่มากกว่า 40 ชิ้นบนแอปพลิเคชันของฟิตบิท พร้อมทั้งให้ทดลองใช้ Fitbit Premium แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 90 วัน รวมไปถึงการให้บริการประเมินสุขภาพในเชิงลึก คำแนะนำ ฟังก์ชันดูแลการนอนหลับ โปรแกรมเฉพาะบุคคล และโปรแกรมออกกำลังกายกว่า 200 แบบ จากแบรนด์ดังอย่าง barre3, Daily Burn, obe fitness, Physique 57, POPSUGAR และ Yoga Studio by Gaiam. ซึ่งหากประเทศของผู้ใช้ไม่สามารถรองรับ Premium หรือ Coach ได้ สามารถดูการออกกำลังกายผ่านทางโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายยาวนาน 90 วัน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเชื่อมต่อ Premium หรือ Coach ผ่านแอปพลิชันของฟิตบิท
ปัจจุบันฟิตบิทมีบริการมากถึง 16 โปรแกรม ซึ่งโปรแกรมใหม่ที่ให้บริการนั้น รวมไปถึงการฝึกความแข็งแรง การออกกำลังแบบคาดิโอ และการรับประทานอาหารอย่างมีโภชนาการที่ดี โดยทั้งหมดนี้จะถูกประเมินและปรับให้เข้ากับเป้าหมายของผู้ใช้ รวมไปถึงระดับการออกกำลังกาย ตารางเวลา และตัวเลือกส่วนตัว นอกจากนี้การออกกำลังกายยังมีการจัดลำดับตามเวลา กิจกรรม และระดับความแข็งแรงของผู้ใช้ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกสิ่งที่เหมาะกับตนเองที่สุด สำหรับการพัฒนาในด้านจิตใจ ผู้ใช้ Premium สามารถเข้าถึงเรื่องราวจากแบรนด์ดังอย่าง Ten Percent Happier และฟิตบิทยังเพิ่มการออกกำลังกายสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับทั้งผู้ใช้บริการแบบ Premium และแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้ทุกคนสามารถไปถึงเป้าหมายตาม Active Minutes Zone ได้อีกด้วย
มากไปกว่านั้น Premium ยังเพิ่มความท้าทายให้ผู้ใช้ในแบบฉบับที่ปรับให้เหมาะสมกับตัวเองได้ถึง 3 แบบ รวมถึง Get Fit Bingo ซึ่งผู้ใช้สามารถแข่งขันกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว เช่น การวัดจำนวนก้าวเดิน หรือ การตั้งเป้าหมาย Active Zone Minutes ในแต่ละวัน โดย จะมีการพัฒนาฟีเจอร์นวัตกรรมบริการ Premium อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อดูแลผู้ใช้ในด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
ราคาและการวางจำหน่าย พร้อมอุปกรณ์เพื่อให้เข้ากับสไตล์ของคุณ
ฟิตบิทเปิดให้ Pre-order สินค้า Charge 4 และ Charge 4 Special Edition ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านทางเว็บไซต์ Fitbit.com โดยเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ บนร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่าย อาทิ B2S, Dotlife, Jaymart, King Power, Lazada, Power Buy, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าโรบินสัน และศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และเริ่มจำหน่ายในร้านค้าทั่วไปตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป Charge 4 มาในสีดำ สี Rosewood และสี Storm Blue/black โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 6,490 บาท และ Charge 4 Special Edition ซึ่งมาพร้อมกับสายข้อมือสีดำแกรนิต และสายสีดำแบบธรรมดา เหมาะสำหรับเปลี่ยนใช้งานหลากหลายโอกาส ในราคา 6,990 บาท และเตรียมพบกับ UnitedHealthcare Motion(R) โปรแกรมการเดินสำหรับผู้จ้างงาน ซึ่งจะถูกเพิ่มเข้าสู่ Charge 4 ได้ในเร็วๆ นี้
ตกแต่ง Charge 4 ของคุณด้วยอุปกรณ์เสริม สายข้อมือสีต่างๆ รวมไปถึง REPREVE(R) ซึ่งทอขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลในสี midnight และ rosewood, สายข้อมือซิลิโคนเหมาะสำหรับการออกกำลังกายในสี Evergreen และ Frost White, และสายหนังทำมือสุดพรีเมียมจาก Horween(R) อุปกรณ์เสริม จะจัดจำหน่ายแยกกับอุปกรณ์ Charge 4 ในร้านค้าชั้นนำและร้านค้าออนไลน์ และสามารถใช้ร่วมกับฟิตบิท Charge 3 ได้ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 990 บาท
Active Minutes Zone จะเริ่มต้นให้บริการได้บนอุปกรณ์ Charge 4 ก่อนที่จะเริ่มให้ใช้บริการบนสมาร์ทวอทช์ของฟิตบิทรุ่นต่างๆ และบริการ Fitbit Premium เริ่มเปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยราคาสมาชิกที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี
เกี่ยวกับฟิตบิท
ฟิตบิท (Fitbit) คืออุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตที่มีความแอคทีฟ โดยการเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงข้อมูล เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ พร้อมคำแนะนำที่จะทำให้ผู้ใช้งานไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ ในฐานะที่ฟิตบิทเป็นผู้นำตลาดด้านอุปกรณ์การดูแลสุขภาพและกิจกรรมการออกกำลังกาย ฟิตบิทจึงได้ออกแบบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ในการใช้งานที่จะคอยติดตามข้อมูลด้านสุขภาพและความแข็งแรงของผู้ใช้ในทุกวัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและได้รับความนิยมของฟิตบิท รวมถึงอุปกรณ์แทรคเกอร์อย่าง Fitbit Charge 3(TM), Fitbit Inspire HR(TM), Fitbit Inspire(TM), Fitbit Ace 2(TM) รวมถึงสมาร์ทวอทช์อย่าง Fitbit Ionic(TM)และ Fitbit Versa(TM) หูฟังไร้สาย Fitbit Flyer(TM) และเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะเชื่อมต่อสัญญานไวไฟที่มีชื่อว่า Fitbit Aria ผลิตภัณฑ์ของฟิตบิทมีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกกว่า 39,000 แห่งใน กว่า 100 ประเทศทั่วโลก และด้วยเครือข่ายสังคมฟิตเนสและฐานข้อมูลด้านสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง แพลตฟอร์มของฟิตบิทจึงสามารถให้ประสบการณ์ ข้อมูลอินไซต์ และคำแนะนำที่เหมาะกับบุคคล ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัยในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ทั้งแอปพลิเคชัน Fitbit, Fitbit Coach และ Fitbit OS สำหรับสมาร์ทวอทช์ นอกจากนี้ยังมี Fitbit Premium บริการสมาชิกแบบชำระเงินตัวใหม่ล่าสุด นำส่งข้อมูลเฉพาะของผู้ใช้รายบุคคลไปยังแอปพลิเคชัน Fitbit เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ถึงเป้าหมายด้านสุขภาพและฟิตเนสตามที่ตั้งไว้ ขณะที่ Fitbit Health Solutions โปรแกรมสุขภาพสำหรับองค์กร ได้ออกแบบมาเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและการมีส่วนร่วม ช่วยพัฒนาองค์กร การวางแผนและระบบการรักษาสุขภาพโดยรวมด้วย
ฟิตบิท และโลโก้ฟิตบิท รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ถือเป็นเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ และ/หรือ เครื่องหมายการจดทะเบียนการค้าของฟิตบิทในประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ เพิ่มเติมของฟิตบิท สามารถดูได้ที่ www.fitbit.com/legal/trademark-list เครื่องหมายบริการและชื่อผลิตภัณฑ์ที่ใช้นี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit