เซียนหุ้นเชียร์ “ซื้อ” หุ้น EKH หรือ บมจ.เอกชัยการแพทย์ ระบุราคาหุ้นต่ำเกินพื้นฐาน หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และมีการตัดค่าเสื่อมอาคารกุมารเวชเต็มปี เคาะเป้าราคาเหมาะสมอยู่ที่ 4.80 บาทต่อหุ้น ประเมินรายได้ปีนี้แตะ 641 ล้านบาท ขณะที่โครงการซื้อหุ้นคืน และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับ 5.38% หนุนความน่าสนใจในการลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำ
“ซื้อ” หุ้นบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด
(มหาชน) หรือEKH เนื่องจากเห็นสัญญาณการกลับตัว
ในแง่ของ Valuation โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการราคาเป้าหมายปี
2563 ที่ 4.80 บาท อิง PER 31 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี -0.5
S.D. ถึงแม้ภาพรวมรายได้ และกำไรสำหรับปีนี้ ยังไม่น่าสนใจมากนัก
แต่ราคาที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ได้สะท้อนผลกระทบเชิงลบสำหรับปีนี้ไปมากแล้ว ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER ที่ 25 เท่า มี Upside อยู่ 23.07 %
ประกอบกับเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 บริษัท
มีมติซื้อหุ้นคืนไม่เกิน10% ภายใต้วงเงินไม่เกิน 30 ล้านบาท โดยทำการซื้อหุ้นคนผ่านตลาดหลักทรัพย์
ระหว่างวันที่ 3 เมษายน-2 ตุลาคม 2563 และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 อัตราการจ่ายปันผลที่ 0.21
บาทต่อหุ้น ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5.38%
แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2563
ฝ่ายวิจัยต้องปรับประมาณการรายได้ใหม่ สำหรับกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 641 ล้านบาท
ลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในลดลง Occupancy
Rate เฉลี่ยทั้งปีที่ 65% และการลดลงในคนไข้จากศูนย์ผู้มีบุตรยาก
ต้นทุนกิจการโรงพยาบาลที่ 385 ล้านบาท
ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ลดลงน้อยกว่ารายได้ที่ลดลง
เนื่องจากมีค่าเสื่อมของอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ที่เปิดเมื่อกลางปี 2562
ค่าใช้จ่ายที่ 158 ล้านบาท ลดลง19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แม้ว่าปีนี้จะไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เป็นรายการพิเศษ แต่มีการเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายบางรายการเข้ามา ส่งผลให้ทั้งปีประมาณการ กำไรสุทธิที่ 93 ล้านบาท ลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้น 0.15 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 2563 ฝ่ายวิจัยมองว่า
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
จะมีความยืดเยื้อยาวนานไปอีกปี
สำหรับโรงพยาบาลเอกชัย
กรณีที่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จำเป็นหรือโรคที่มีความซับซ้อนรุนแรง
จะเป็นที่หนึ่งที่ประชาชนหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่กลุ่มเป้าหมายเป็นคนไข้เด็ก
ที่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะพยายามให้หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง
ศูนย์ฉุกเฉินที่เป็นศูนย์ที่ทำรายได้สูงเอง
ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าได้รับผลกระทบจากการที่มีการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างในพื้นที่อุตสาหกรรม
และการหยุดอยู่บ้านไม่เคลื่อนย้าย ทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลง
รวมถึงศูนย์ผู้มีบุตรยากที่ส่วนมากเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนเป็นหลัก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit