กรณีเฟสบุ๊คจิตอาสา Go Eco Phuket รายงานภาพกลุ่มนักดำน้ำนั่งถ่ายภาพบนซากเรือปะการังเทียม บริเวณเกาะราชาใหญ่ เป็นเหตุให้สังคมกังวลถึงผลกระทบและความเหมาะสมของพฤติกรรม พร้อมฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงการกระทำดังกล่าว
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้ว่าจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล พร้อมสั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งตรวจสอบและหามาตรการในการจัดการอย่างเป็นระบบและให้ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นด้วย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในกรณีนี้ ที่กระทรวง ทส.ว่าตนได้รับรายงานกรณีมีนักท่องเที่ยวดำน้ำนั่งถ่ายรูปกับซากเรือที่มีปะการังเกาะอยู่ บริเวณเกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต สำหรับตนแล้ว ถือว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีโอกาสสร้างความเสียหายต่อปะการังที่เกาะอาศัยอยู่ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่าเริ่มมีการเกาะตัวของปะการังอ่อน หรือพืชขนาดเล็กขึ้นปกคลุมซากเรือลำนี้แล้ว การนั่งหรือการเหยียบบริเวณดังกล่าวจะสร้างความเสียหายทำให้ปะการังอ่อนเกิดการแตกหักได้ อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับและสั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งตรวจสอบและหามาตรการในการจัดการอย่างเป็นระบบและต้องเด็ดขาด และให้รวมถึงในพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ตนอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ว่า”นับแต่มีการผ่อนปรนให้เริ่มมีการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล จะเป็นเป้าหมายแรก ๆ ของนักท่องเที่ยว ตนอยากขอให้ทุกคนท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก ธรรมชาติได้พักฟื้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนคืนความสมบูรณ์จนเป็นที่ประจักษ์ในหลายพื้นที่ เราทุกคนต้องช่วยธรรมชาติในการฟื้นฟูตัวเอง ต้องเว้นระยะห่างระหว่างระบบนิเวศทางธรรมชาติ ลดการปล่อยมลพิษ รวมถึง ปรับพฤติกรรมที่คำนึงถึงความสมบูรณ์และคงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามจะคงอยู่กับประเทศไทยไปอีกนานเพื่อส่งผ่านไปยังลูกหลานของเราในรุ่นต่อไป
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า พื้นที่เกาะราชาใหญ่พบแนวปะการังกว่า 268 ไร่ ทั้งทางด้านตะวันตก ตะวันออก และด้านเหนือของเกาะ สภาพปะการังในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ได้รับความเสียหายทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์ ซึ่งเมื่อปี 2559 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการกำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการระงับความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรปะการัง ใน 7 พื้นที่ ซึ่งรวมถึงพื้นที่เกาะราชาใหญ่ ทั้งนี้ ได้กำหนดให้บุคคลหรือผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวดำน้ำจะต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการัง รวมถึง ผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวดำน้ำลึก ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักการของสถานบันการเรียนการสอนดำน้ำสากล หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ยกร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เพื่อเป็นการสงวน การอนุรักษ์ การฟื้นฟู ทรัพยากรปะการัง โดยการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ บริเวณแนวปะการัง ต้องจัดให้มีผู้ควบคุม เพื่อให้ความรู้ ให้คำแนะนำ ควบคุม กำกับ และดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวทำลาย ทำให้เกิดความเสียหายหรือสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศบริเวณแนวปะการัง ซึ่งอีกไม่นานจะมีผลบังคับใช้ในมาตรการนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ประสานและติดตามนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้รวมถึง ได้กำชับให้ประชาสัมพันธ์และกวดขันเรื่องการดำน้ำในพื้นที่อย่างเข้มงวดและจริงจัง อนึ่ง หากมีการพบเห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเล สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่นั้น ๆ หรือแจ้งสายด่วน Green Call 1310 หรือผ่านทาง Application MRNR e-petition เพื่อจะได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการได้ทันต่อสถานการณ์ อธิบดีทช.กล่าวยืนยัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit