ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์สื่อกลางซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยผลสำรวจ Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด ชี้โควิด-19 ฉุดรายได้ กำลังซื้อเปราะบาง แต่ยังเห็นความต้องการอสังหาฯ ที่ฟังก์ชันครบ โปรโมชันดี ข้อเสนอโดน จากโครงการ อสังหาฯ ที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัย-ทำงาน ลูกค้าพร้อมเซย์กู๊ดบาย
จากผลสำรวจของ Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด เผย 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจ (75%) ยังอยู่ระหว่างชะลอการซื้อ-ขายอสังงหาฯ ซึ่งเป็นผลกระทบหลัก ๆ จากโควิด-19 ขณะเดียวกันยังมองเห็นความไม่แน่นอนเรื่องราคาอสังหาฯ และเชื่อว่าธนาคารจะรัดเข็มขัดมาตรการสินเชื่อ ส่งผลต่อการพิจารณาและโอกาสกู้ผ่านของลูกค้ายากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นทางตันของภาคอสังหาฯ เพราะจากผลสำรวจยังพบว่า 3 ใน 4 ของคนไทยตั้งใจซื้ออสังหาฯ ในอนาคต และกลุ่มนักลงทุนถึง 15% ยังมองว่าช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า จากผลสำรวจ Thailand Consumer Sentiment Study ฉบับล่าสุด เห็นได้ชัดว่า โควิด-19 ส่งผลอย่างมากถึงการตัดสินใจของผู้บริโภคที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย โดยพบว่า
ผู้บริโภคถึง 75% ชะลอการซื้อ-ขายอสังหาฯ ออกไป ส่วนอีก 32% มองว่าราคาที่อยู่อาศัยไม่แน่นอน 31% เชื่อว่าการขอสินเชื่อบ้านยากขึ้นหรือใช้เวลานานกว่าจะได้รับการอนุมัติ 24% หันไปให้ความสนใจกับที่อยู่อาศัยที่เสริมเรื่องสุขภาพและความสะอาด และ 20% ให้ความเห็นว่าเข้าไปดูโครงการที่สนใจยากขึ้น
ปัจจัยด้านราคา รายละเอียดสินเชื่อ และทำเล ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่คนใช้พิจารณาเลือกที่อยู่อาศัย แต่จากผลสำรวจยังสะท้อนให้เห็นปัจจัยใหม่ ๆ โดยเฉพาะเรื่องรูปแบบโครงการที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบันที่มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น โดยพบว่ามี 5 สิ่งที่ผู้บริโภคใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับ Work from Home ในอนาคต คือ
ผู้บริโภคถึง 82% ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม 65% ให้ความสำคัญกับสัญญาอินเตอร์เน็ตต้องเสถียร 64% ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันในบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวก อีก 50% ให้ความสำคัญกับระบบระบายอากาศและความร้อน รวมถึงระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ ส่วน 43% ให้ความสำคัญกับขนาดของที่อยู่อาศัยเป็นหลัก
แม้ว่าราคาเฉลี่ยของโครงการจะเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อบ้าน แต่หากโฟกัสไปที่แต่ละช่วงวัย พบว่า แต่ละช่วงมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์แตกต่างกัน โดยพบว่า
อสังหาฯ ไทยถึงทางตันแล้วจริงหรือ
แม้ว่าภาพรวมของผลสำรวจจะพบว่า ทุกช่วงวัยจะมีการชะลอการซื้อ-ขายอสังหาฯ ออกไปในช่วงโควิด-19 แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนอายุ 22-29 ปี และ 30-39 ปี ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างเร่งด่วน โดยหลีกเลี่ยงการซื้อที่อยู่อาศัยในโซนที่มีการติดเชื้อ
หากโฟกัสไปที่กลุ่มนักลงทุนแม้ว่า 3 ใน 5 ของกลุ่มนักลงทุน ลังเลที่จะลงทุนอสังหาฯ ในช่วงนี้ แต่ในขณะที่อีก 15% ของกลุ่มนักลงทุนมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนอสังหาฯ เนื่องจากหลายโครงการจัดโปรโมชั่นมากมายในช่วงนี้
จากข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นถึงความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่ยังไม่ลดหายไป แต่เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศก็ค่อนข้างจะเปราะบางมาก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนหนึ่งมาจากภาระหนี้ของประชาชนบางกลุ่มที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นปี 2562 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 79.8% ต่อจีดีพี และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ประชาชนบางกลุ่มได้รับผลกระทบจากการที่ต้องหยุดงานชั่วคราวและถูกเลิกจ้าง ทำให้รายได้ลดลง
จากปัจจัยดังกล่าวยิ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง สิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังคือ ให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือเกี่ยวกับการซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อกระตุ้นให้เกิดดีมานด์และการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
โดยจากผลการสำรวจชี้ว่า สิ่งที่ผู้บริโภคอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยคือ ลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านเพิ่ม มีมากถึง 79% หากโฟกัสไปที่แต่ละช่วงวัย พบว่า กลุ่มวัยเริ่มต้นทำงาน อายุ 22-29 ปี ต้องการภาครัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก ถัดมาในส่วนของกลุ่มผู้มีรายได้สูงที่มองว่าเป็นโอกาสดีที่จะลงทุนอสังหาฯ เนื่องจากราคาอสังหาฯ เทขาย ที่เหมาะแก่การลงทุน แต่ยังเล็งเห็นความเสี่ยงสูงที่ผลตอบแทนจะไม่คุ้มทุนเนื่องจากปัจจัยด้านรายได้ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย จึงอยากจะเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาเลื่อนมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว และเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามาลงทุน
จากผลสำรวจจะเห็นภาพความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังมีอยู่แม้จะเป็นช่วงโควิด-19 แต่รูปแบบโครงการที่ไปรอดจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้เท่านั้น นอกจากนี้การสนับสนุนของภาครัฐก็คือสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวัง ซึ่งการกระตุ้นภาคอสังหาฯ จะยิ่งช่วยให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เพราะภาคอสังหาฯ นั้นถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้ไปต่อได้” นางกมลภัทร กล่าวเพิ่มเติม
รู้จักกับ DDproperty
DDproperty (ดีดีพร็อพเพอร์ตี้) เป็นเว็บไซต์สื่อกลางซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย และเป็นเว็บไซต์ในเครือ PropertyGuru Group (พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเอเชีย โดยในแต่ละเดือน DDproperty ได้รับความไว้วางใจจากผู้ที่กำลังค้นหาบ้านเข้ามาเยี่ยมชมและใช้บริการบนเว็บไซต์กว่า 3 ล้านราย
พร็อพเพอร์ตี้กูรูและบริษัทในเครือช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยทั่วภูมิภาคได้เข้าถึงรายการประกาศขาย-เช่าที่มีมากกว่า 2 ล้านรายการ อีกทั้งยังมีข้อมูลเชิงลึกและโซลูชั่นต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในสิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญได้อย่างมั่นใจ
PropertyGuru.com.sg เริ่มให้บริการครั้งแรกในปี 2550 ด้วยการปฏิวัติตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ด้วยการนำระบบออนไลน์เข้ามาใช้และช่วยให้การหาบ้านมีความโปร่งใสมากขึ้น ในช่วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้พัฒนาและเติบโตจากสื่ออสังหาฯ ชั้นนำของภูมิภาคมาเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง มีเว็บไซต์สื่อกลางอสังหาฯ อันดับ 1 อยู่ภายใต้การบริหาร มีแอปพลิเคชั่นที่มีรางวัลเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ มีแพล็ตฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อช่วยส่งเสริมการขายให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ อย่าง PropertyGuru FastKey อีกทั้งยังมีบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ ที่สำคัญ ๆ อาทิ การจัดงานแจกรางวัลด้านอสังหาฯ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด รวมไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วภูมิภาคเอเชีย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ www.ddproperty.com
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit