นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมผู้บริหารระดับสูงของทส.จำนวนมากลงพื้นที่บริเวณพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งปัจจุบันมีโครงสร้างในการแก้ไขปัญหาซึ่งจัดสร้างไว้โดยหน่วยงานส่วนราชการ ประกอบไปด้วยเขื่อนกันคลื่น เขื่อนป้องกันคลื่นนอกชายฝั่ง รอดักทราย และกำแพงป้องกันคลื่น ซึ่งสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจากโครงสร้างดังกล่าวทำให้ส่งผลต่อทัศนียภาพด้านหน้าพระราชนิเวศน์ฯ และยังส่งผลให้เกิดการกัดเซาะต่อพื้นที่ข้างเคียงนอกจากนี้เขื่อนกันคลื่นบริเวณปากคลองบังตราน้อยและคลองบังตราใหญ่ทำให้เกิดการรุกล้ำของน้ำเค็ม จนเริ่มส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของโบราณสถานซึ่งเป็นสมบัติของชาติอันมีค่ายิ่ง
โดยผลจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และทีมนักวิชาการได้เสนอแนวทางออกในการแก้ปัญหา โดยระยะแรกอาจต้องปรับปรุงโครงสร้างประเภทรอดักทรายเพื่อปรับทัศนียภาพให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประว้ติศาสตร์แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสังเกตุการเปลี่ยนแปลง ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำทะเลรุกล้ำ เบื้องต้นอาจจะมีการกั้นน้ำในบางช่วง แต่ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาพื้นที่พระราชนิเวศมฤคทายวัน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแนวทางก่อนจะดำเนินการต่อไป
หลังจากรับฟังปัญหาและแนวทางแก้ไขจากดร.อานนท์และนายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรชายฝั่ง แล้วนายวราวุธ กล่าวว่าในฐานะที่ตนเองซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.ทส.มีหน้าที่ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาติ แล้วก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในประเด็นปัญหาดังกล่าวจึงนำทีมผู้บริหารทส.มารับฟังและร่วมพิจารณาแนวทางแก้ไขซึ่งขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าโครงสร้างที่ดำเนินการไว้โดยส่วนราชการอื่นตั้งแต่ก่อนมีการก่อตั้งกระทรวงทส.ได้ก่อให้เกิดปัญหาการกัดเซาะและผลกระทบต่อเนื่องด้านอื่นๆ ซึ่งตนจะได้มอบให้นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งรัดการแก้ไขปัญหานี้ โดยการปรับปรุงพื้นที่หน้าหาดของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันให้มีรูปแบบและแนวทางที่ชัดเจนผ่านคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาพื้นที่พระราชนิเวศมฤคทายวัน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายส่วนมาร่วมพิจารณาโดยเร็ว ต่อไป
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส.กล่าวในกรณีนี้ว่า ตนสั่งการให้กรมทช.พิจารณาแนวทางแก้ไขว่ามีอะไรที่จะต้องเร่งดำเนินการโดยด่วนก็ให้เร่งดำเนินการแต่โครงสร้างใหญ่ๆเช่น jetty ที่มีขนาดใหญ่และงบประมาณที่สร้างไว้มีมูลค่าสูงจะต้องทำการศึกษาว่าหากทำการแก้ไขปรับปรุงแล้วจะก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆอะไรตามมาอีกหรือไม่อีกทั้ง การแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศที่ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานดำเนินการซึ่งเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำนั้น กระทรวง ทส. กำลังเร่งรัดบูรณาการแก้ไข้ปัญหา โดยจะนำมติของคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ซี่งมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งได้มีมติเห็นชอบในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ว่าต่อไปนี้การดำเนินการป้องและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานต่างๆ นั้น จะต้องนำแผนงานรูปแบบตลอดจนวิธีการเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการกัดเซาะชายฝั่ง ก่อนที่จะเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อสำนักงบประมาณต่อไป ซึ่งตนคาดว่าจะสามารถบูรณาการการทำงานได้เป็นรูปธรรม และไม่เกิดความซ้ำซ้อนได้เป็นอย่างดี” ปลัดทส.กล่าวให้ความมั่นใจ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit