'บมจ. พริมา มารีน’ หรือ (“PRM”) มองสัญญาณการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง เตรียมขยายกองเรือเพิ่ม ทั้งกลุ่มเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมทางทะเล (FSU) และกลุ่มเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ หากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ขณะที่ผลงานครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์ดี
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ประเมินว่ายังมีทิศทางเป็นบวกจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมเก็บเกี่ยวรายได้จากการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ด้วยขนาดกองเรือที่ให้บริการรวม 41 ลำ และมีแผนลงทุนเรือเพิ่มอีกจำนวน 2 ลำ แบ่งเป็น เรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศจำนวน 1 ลำ และเรือในกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันปิโตรเลียม (FSU) อีกจำนวน 1 ลำ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาประจำการได้ภายในครึ่งปีหลังของปี 2563
การจัดหาเรือใหม่ดังกล่าว จะเป็นการขยายประสิทธิภาพในการให้บริการของกลุ่มเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ และในกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บฯ (FSU) จะเป็นการขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการของการกักเก็บและผสมน้ำมันเตาที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันมีเรือ FSU ให้บริการทั้งสิ้น 8 ลำ และมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100%
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ ประเมินว่าภาพรวมผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตที่ดี แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ จะไม่มีการขยายจำนวนเรือเพิ่มเติม แต่สามารถบริหารจัดการกองเรือที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับภาวะอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงสามารถรับมือกับผลกระทบจาก COVID-19 ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้อัตราการใช้เรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมไปถึงเรือขนส่งและกักเก็บฯ หรือ FSU อยู่ในระดับที่สูง จึงคาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานจะสามารถเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit