“Mono Technology” เปลี่ยนชื่อเป็น “Mono Next” เปิดแผนธุรกิจใหม่ “แกร่งทะลุวิกฤต”

23 Jun 2020

บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) “Mono Technology Public Company Limited” เตรียมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) “Mono Next Public Company Limited” หรือ MONO กางแผนลุยธุรกิจใหม่ในยุควิกฤตโควิด-19 เพื่อสะท้อนให้เห็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจขององค์กรเน้น Movies & Series Content (ภาพยนตร์และซีรีส์) ซึ่งมีธุรกิจนำคือ วีดีโอสตรีมมิ่งแบบตอบรับสมาชิก “SVOD” (Subscription Video on Demand) จากธุรกิจ MONOMAX ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าสมาชิกเติบโตเป็น 1 ล้านราย ภายใน 3 ปี  ทั้งแบบขายตรงไปยังลูกค้า และขายลูกค้าพรีวิเลจแก่องค์กร เผยเตรียมคอนเทนต์พิเศษมากมายพร้อมท้าชน Netflix

“Mono Technology” เปลี่ยนชื่อเป็น “Mono Next” เปิดแผนธุรกิจใหม่ “แกร่งทะลุวิกฤต”

คุณปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า Mono Next หรือ โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) จะเป็นชื่อบริษัทใหม่ที่จะมาแทนชื่อเดิม บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) โดยได้นำวาระการเปลี่ยนชื่อบริษัทเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 สิงหาคม 2563   การเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็นการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับลักษณะของธุรกิจที่แท้จริงขององค์กรในปัจจุบันที่มีความเชี่ยวชาญในด้านบันเทิงภาพยนตร์และซีรีส์ ทั้งไทยและต่างประเทศ (จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮอลลีวูด) ภายใต้กลยุทธ Understand Local Taste (เข้าใจรสนิยมคนไทยอย่างลึกซึ้ง ว่าต้องการชมอะไร เวลาไหน ผ่านแพลตฟอร์มอะไร) ซึ่งต่างจากกลยุทธเดิมในวันที่ Mono เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว และชื่อใหม่ยังแสดงถึงก้าวต่อไปในอนาคตที่มั่นคงของโมโน

เริ่มที่ธุรกิจ  “MonoMax” มีทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ในแบบที่คนไทยชอบ ดูง่าย เข้าใจง่าย คัดสรรทั้งเนื้อเรื่อง ดารา พร้อมทั้งบริการพากย์ไทยและซาวด์แทร็คให้ได้เลือกชม นอกจากนี้ยังมีการผลิต Mono Original ที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มครอบครัว คุณผู้ชายขี้เล่นกับซีรีส์เซ็กซี่คอมเมดี้ คุณผู้หญิงชอบฟินๆ กับฉากโรแมนติก และเด็กๆ กับเนื้อหาน่ารักเพื่อการเรียนรู้ รวมทั้ง Exclusive content ทั้งของไทยและจีน ที่ทาง MonoMax มีให้ชมเพียงผู้เดียว อาทิ มังกรหยก (เวอร์ชัน 2020), ภาพยนตร์ไทยแนววัยรุ่นย้อนยุค นำแสดงโดย เจมส์ จิรายุ และโบ เมลดา (ยังไม่เปิดเผยชื่อเรื่อง), ซีรีส์จีนฟอร์มยักษ์แห่งปี "The Wolf" ฯลฯ

ธุรกิจ “Mono29” ยังครองเรตติ้งอันดับ 3 และเติบโตอย่างดีช่วงโควิด-19 ด้านรายได้ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นสัญญาณในบางกลุ่มธุรกิจที่กลับมาใช้จ่ายงบโฆษณามากขึ้น หลังจากมาตรการผ่อนคลายจากการระบาดของโควิด-19

ธุรกิจ “MonoCyber” มุ่งเน้นการเป็นสื่อออนไลน์ที่แข็งแกร่ง (ประกอบด้วย MThai.com หน่วยกลยุทธอีเวนต์และการตลาดออนไลน์) ซึ่งเป็นการต่อยอดกับธุรกิจในเครือ และสินค้าพันธมิตรที่สร้างกรณีความสำเร็จหลายราย เช่น ธนาคารออมสิน, พีทีออยล์, ปตท., การทางพิเศษฯ, กสทช., กระทรวงวัฒนธรรม, กรุงเทพประกันชีวิต เป็นต้น

และท้ายสุดธุรกิจ “Master Content Provider” โมโนจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธคอนเทนต์และการตลาดให้แก่ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB เนื่องจากโมโนมีความเข้าใจในการคัดสรรคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจากประสบการณ์ในการทำธุรกิจทีวีและสตรีมมิ่งมานาน โดยโครงการชื่อ 3BB TV จะทำให้โทรทัศน์กลายเป็นระบบ interactive ใช้งานตอบสนองได้หลากหลายรูปแบบ (ร้องเพลง ซื้อสินค้า เล่นเกม) และเลือกชมช่องโทรทัศน์พรีเมียมได้มากกว่า 30 ช่อง ครอบคลุมทั้ง กีฬาไทย กีฬาต่างประเทศ ซีรีส์ต่างประเทศ และช่องทีวีชื่อดังในเครือ HBO พร้อมให้บริการในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ผมเล็งเห็นว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จในกลยุทธนี้ ต้องมี Eco System ที่แข็งแกร่งที่ประกอบไปด้วย คอนเทนต์ สื่อ พันธมิตรโทรคมนาคม พร้อมกันสามด้าน ซึ่งจากธุรกิจและพันธมิตร ข้างต้น โมโนได้มีส่วนประกอบต่างๆ นั้นที่ครบถ้วนแล้ว

ในภาพรวมของโมโนนั้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรหลายส่วน โดยเน้นทำธุรกิจหลักที่ทำรายได้และยุติธุรกิจอื่นๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19  จึงทำให้มีการปรับตัวเข้ากับการทำงานแบบ work from home ได้อย่างรวดเร็วโดยที่ประสิทธิภาพการทำงานมิได้ลดลง ซึ่งในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายนนี้  บริษัทฯ จะย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่จากอาคารจัสมินฯ  ไปที่ตั้งใหม่ ณ  MONO 29 STUDIO ถนนชัยพฤกษ์ สำนักงานใหม่ของบริษัทฯ จะเป็นรูปแบบ Co-working space บนพื้นที่ของโมโนเอง การออกแบบและตกแต่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจจากหนังและซีรีส์    โดยในระยะยาวโมโนยังคงนโยบายให้พนักงานสามารถ work from anywhere (การทำงานจากที่ใดก็ได้อย่างยืดหยุ่น) ด้วยครับ   การปรับตัวให้เข้ากับ new normal ในแบบฉบับของโมโนจึงเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อความคล่องตัว  ยืดหยุ่น แต่จริงจังในธุรกิจ ทั้งนี้ ผู้บริหารและพนักงานต่างมีความชื่นชอบร่วมกันใน “หนังและซีรีส์” อยู่แล้ว เลยเป็นเสมือนแกนกลางของธุรกิจเพื่อต่อยอดให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ทั้งบริการสตรีมมิ่ง ฟรีทีวี และล่าสุดความร่วมมือกับ 3BB TV ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญของ Mono Next”  คุณปฐมพงศ์  กล่าวทิ้งท้าย

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit