ดร.สุวิทย์ กล่าวย้ำว่า การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นเหตุผล ซึ่งจะทำให้เด็กและเยาวชนไทยมีความพร้อม ทั้งองค์ความรู้ และกระบวนการได้มาซึ่งความรู้ที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตจึงงอยากให้เยาวชนไทยตั้งใจศึกษาหาความรู้ โดยความรู้นั้นมีอยู่ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน มีทั้งความรู้ที่เป็นวิชาการ เป็นทักษะ เป็นประสบการณ์ชีวิต รวมไปถึงการเรียนรู้ ปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ ยังต้องรู้จักหน้าที่ของความเป็นพลเมืองไทย รับผิดชอบต่ออนาคตประเทศชาติร่วมกัน ตามคำขวัญวันเด็กแห่งชาติที่ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุกต์ จันทร์โอชา มอบให้ในปีนี้ว่า "เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย"
กิจกรรมบนถนนสายวิทยาศาสตร์ในปีนี้ หน่วยงานในสังกัดของกระทรวง อว. และหน่วยงานพันธมิตร ได้จัดสถานีกิจกรรม และการทดลองทางวิทยาศาสตร์ กว่า 30 กิจกรรม จาก 25 สถานี เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ สัมผัสประสบการณ์ทดลองจริง ฝึกสมองต่อยอดความคิดจินตนาการ ภายใต้แนวคิด BCG Model (Bio, Circular, Green Economy) รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ บนฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ด้าน ไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม และสอดรับกับปีสากลแห่งสุขภาพพืชนานาชาติ (International Year of Plant Health ปี 2020) ที่มุ่งเน้นความสำคัญของสุขภาพพืช และความจำเป็นในการปกป้องพืชเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และยังคงความสุข ความสนุกให้แก่เยาวชนทุกคนที่มาร่วมงาน
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่างาน "ถนนสายวิทยาศาสตร์" ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 มกราคม 2563 ณ บริเวณกระทรวง อว. ถนนโยธี ถนนพระราม 6 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยการจัดงานในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2550 ภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือในชื่อเดิมคือกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานพันธมิตรที่ตั้งอยู่บริเวณ ถนนโยธี และถนนพระราม 6 ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่มีการควบรวมกระทรวงวิทย์ฯ กับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และหน่วยงานให้ทุนวิจัยของประเทศทั้งหมด อาทิ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ภายใต้ชื่อ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผนวกกับมหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทำให้กิจกรรมถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ ในปีนี้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ กิจกรรม Coding แบบ Unplugged เพื่อฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น ภายใต้เงื่อนไขและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ BCG Model /กิจกรรม Fresh Herb กิจกรรมการเรียนรู้สมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ใช้ป้องกันกลิ่นอับและตัวแมลงกินผ้า /กิจกรรมเพ้นท์ถุงผ้า ลดโลกร้อน /กิจกรรมการทดลองประกอบรถจากอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ เพื่อเป็นรถที่จะวิ่งจากรางที่ประกอบขึ้นมา /กิจกรรมสำรวจพื้นผิวดวงอาทิตย์เพื่อค้นหาเปลวสุริยะ และจุดบนดวงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ดูดวงอาทิตย์ของจริง /เกมต่างๆ ที่ผลิตจากไม้เพื่อใช้ฝึกทักษะการใช้สมาธิของผู้เล่น และกิจกรรมฝึกเขียนโค้ดโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อเรียนรู้วิธีการสั่งงานหุ่นยนต์ Coding Arena เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม เด็กรักษ์โลก เพื่อส่งเสริมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน เพียงนำปิ่นโตหรือแก้วน้ำมาในงาน จะได้รับของรางวัลพิเศษไปด้วย และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมงานในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ ที่มีผู้เข้าชมงานจำนวนมาก อว. จึงได้จัดให้มีรถบริการรับส่งฟรี ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ณ สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปากซอยโยธี ไปยังกระทรวง อว. ตลอดงาน ซึ่งนอกจากงานถนนสายวิทยาศาสตร์แล้ว หน่วยงานในสังกัด อว. ยังร่วมกันจัดกิจกรรมวันเด็กอีกหลายแห่งด้วยกัน ได้แก่
การจัดงานแต่ละแห่งในปีนี้ มีทั้งสาระบันเทิงต่างๆ ไว้รอต้อนรับน้องๆ เยาวชนทุกคน พร้อมมีของรางวัลมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.mhesi.go.th, call center 1313 หรือเว็บไซต์ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ www.nsm.or.th Facebook: NSMthailand หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 02577 9960
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit