ก่อนที่โลกจะหมุนเข้าสู่ปี 2020 ธุรกิจแทบทุกวงการได้ส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ประกอบการปรับตัว เพื่อรับกับการถูก Disrupt สารพัดรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรที่ยั่งยืนมาตลอดอย่างวงการ 'การศึกษา' ที่ต้องฝ่าการแข่งขันอันรุนแรงจากปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งการลดลงของจำนวนนักเรียน,บทบาทของแพลตฟอร์มการศึกษาทางเลือก รวมไปถึง 'ชื่อชั้นของสถาบัน' ที่มีส่วนตัดสินว่าสถาบัน จะเข้าไปเป็นหนึ่งในช้อยส์ของนักเรียนได้หรือไม่
ในวันนี้ที่โลกหมุนเข้าสู่ทศวรรษใหม่อย่างเป็นทางการ ชื่อชั้นของสถาบันชั้นนำในไทยจะถูกนักเรียนนำมาพิจารณาน้อยลงกว่าเดิม ส่วนลิสต์ที่มียอดเข้าชมจากนักเรียนในปี 2020 จะกลายเป็น 'อันดับของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก' และนี่ก็เป็นคำถามที่น่าสนใจว่าสถาบันอุดมศึกษาของไทย จะฝ่าวิกฤตการถูก Disrupt จากปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีไหน ?
ในเมื่อการสร้างมาตรฐานไปสู่สถาบันระดับโลกต้องจ่ายด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ทางเลือกของสถาบันไทยจึงเป็นการนำมาตรฐานระดับโลกมาใช้ในสถาบันตนเอง ด้วยการร่วมมือกับ ศูนย์การศึกษา "Finn" จัดทำโปรแกรม "Top-up Degree" ที่ได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาของรัฐบาลอังกฤษ 'The Office of Qualifications and Examinations Regulation (Ofqual)' ซึ่งนักเรียนจะศึกษาวิชาพื้นฐานจากหลักสูตรตรงของรัฐบาลอังกฤษ ในสถาบันที่ประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี และเมื่อเข้าสู่ปีสุดท้าย (ปีที่ 3) นักเรียนสามารถเลือกคณะและวิชาเอก พร้อมเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรัฐชั้นนำกว่า 20 มหาวิทยาลัย ในอังกฤษ ออสเตรเลีย และสวิสเซอร์แลนด์ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับศูนย์การศึกษา Finn ได้ทันที ทั้งยังได้รับวุฒิปริญญาตรีโดยตรงจากมหาวิทยาลัยที่เลือก เสมือนตัวนักเรียนได้เข้าศึกษาในสถาบันชั้นนำระดับโลกตั้งแต่ปีแรก
ซึ่งการจัดตั้งโปรแกรม "Top-up Degree" ขึ้นมานี้ นอกจากผลประโยชน์จะได้กับตัวนักเรียนโดยตรงแล้ว สถาบันการศึกษาในไทย ก็ได้รับผลประโยชน์จากทั้งในแง่จำนวนและคุณภาพของนักเรียนที่เพิ่มขึ้นแบบวัดผลได้ รวมถึงได้สร้างมาตรฐานการเรียนการสอนภายในสถาบันให้มีศักยภาพทัดเทียมกับระดับสากล พร้อมพาตัวเองผ่านปัญหา Disrupt ได้แบบหมดจด เรียกได้ว่า 'วิน-วิน' ด้วยกันทั้งคู่
นายกวิน พันธ์ประสิทธิเวช กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งศูนย์การศึกษา Finn (โรงเรียนบริหารธุรกิจฟินน์) กล่าวว่า "โปรแกรม Top-up Degree ของ Finn ต่างจาก Top-up Degree อื่นๆ ในจุดที่ได้รับอนุญาตให้ใช้หลักสูตร Level 4,5 Diploma จากบอร์ดการศึกษาของประเทศอังกฤษโดยตรงและการันตีการเข้าเรียนต่อ ณ มหาวิทยาลัยชั้นนำในอังกฤษได้ 100% ทันที กว่า 20 มหาวิทยาลัย ซึ่งจุดแข็งนี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพของนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสิ่งที่นักเรียนไทยจะได้คือทุกฐานรากสำคัญในการทำงาน ทั้งด้านภาษา, การแก้ปัญหา, การคิดวิเคราะห์, ประสบการณ์, การนำเสนอ-พูดคุยด้วยภาษาอังกฤษเชิงวิชาการได้ในระดับสูง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะหล่อหลอมให้นักเรียนเติบโตเป็นผู้ใหญ่และมีความพร้อมในการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ"
ปัจจุบันโปรแกรม Top-up Degree ของศูนย์การศึกษา Finn เป็นการศึกษาในหลักสูตร Level 4,5 Diploma เป็นระยะเวลา 2 ปีในไทย และเลือกมหาวิทยาลัย คณะและสาขาเพื่อเรียนต่อปีสุดท้ายอีก 1 ปี เพื่อจบและรับวุฒิปริญญาตรีโดยตรงจากมหาวิทยาลัยที่เลือกเรียนต่อในปีสุดท้าย โดยหลักสูตรที่เปิดประกอบไปด้วย 'คณะบริหารธุรกิจ' และ 'คณะการจัดการการท่องเที่ยวและโรงแรม' พร้อมแบ่งเป็นวิชาเอกอีกกว่า 15 วิชา โดยมีพาร์ทเนอร์เป็นสถาบันชั้นนำระดับโลกเพื่อให้นักเรียนเลือกเรียนต่อ กว่า 25 แห่ง ใน 3 ประเทศ คือ อังกฤษ, ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ อาทิUniversity College Birmingham (ภายใต้การควบคุมและรับวุฒิปริญญาจาก University of Birmingham), Bournemouth University, The University of Northampton, Coventry University, University of Gloucestershire, University of Sunderland, University of Wolverhampton, Swiss Hotel Management School, Griffith University เป็นต้น นับเป็นศูนย์การศึกษา โปรแกรม Top-up Degree ที่มีพาร์ทเนอร์มากที่สุดในโลก
ซึ่งทุกสถาบันการันตี 100% ว่านักเรียน Finn ที่จบ Level 4,5 Diploma สามารถเข้าศึกษาต่อ (Top-up Degree) หลักสูตรปริญญาตรีในปีสุดท้ายได้ทันที เพียงแค่มีผลคะแนน IELTS ตามที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนด โดยไม่ต้องสอบคัดเลือกใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ทุกสถาบันล้วนได้รับการรับรองคุณวุฒิและวิทยฐานะจากหน่วยงานการศึกษาของรัฐบาลในประเทศนั้นๆ และเป็นที่ยอมรับของบริษัทในระดับโลก จึงทำให้ปัจจุบันนี้มีศิษย์เก่าของFinn หลายคนสามารถเข้าทำงานแล้วกับทั้งบรรษัทข้ามชาติ และสายการบินระดับโลก รวมทั้งทำงานกับองค์กรเอกชนชั้นนำในต่างประเทศและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของไทยอีกด้วย
นายกวิน กล่าวต่อไปว่า "โดยปกติแล้วเป็นที่รู้กันดีว่า การศึกษาต่อต่างประเทศหรือในสถาบันชั้นนำจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้เด็กนักเรียนยังต้องมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ และทักษะการเรียนในแบบของอังกฤษ ทั้งแง่ของ การลงลึกในศาสตร์ที่เรียน, การทำโปรเจคระยะยาว, การบริหารเวลาและหน่วยกิต หรือแม้แต่การเรียนรู้วัฒนธรรมการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ซึ่ง Finn ได้ร่วมกับสถาบันในไทย สอดแทรกความรู้ต่างๆ เหล่านี้เข้าไปใน โปรแกรม Top-up Degree เพื่อเตรียมให้นักศึกษามีความพร้อมในทุกด้านและผ่านเกณฑ์การประเมินของสถาบันนั้นๆ ในระยะเวลา 2 ปี นอกจากนี้ก่อนการไปเรียนต่อในปีสุดท้าย เรายังทำหน้าที่ผู้ติดต่อประสานกับสถาบัน, จัดหาที่พัก, เตรียมเอกสารต่างๆ และการทำวีซ่าให้ในทุกขั้นตอน รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ปกครองจ่ายเงินแลกกับคุณภาพการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่ถูกกว่าการศึกษาต่อในต่างประเทศโดยตรงทั้งหลักสูตรกว่า 3 เท่า"
ด้าน ดร.ปริญญ์ ศุกรีเขตร ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งศูนย์การศึกษา Finn กล่าวว่า "การร่วมมือกับกลุ่มสถาบันไทยในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาไทย เพราะนอกจากตัวหลักสูตรที่เป็นมาตรฐานสากลแล้ว Finn ยังต้องพัฒนาบุคลากรผู้สอนให้อยู่ในเกณฑ์ระดับสูง ซึ่งผู้สอนในหลักสูตรดังกล่าวต้องมีประสบการณ์ในด้านการสอน และประสบการณ์ทำงานระดับผู้บริหารในสายงานนั้นจริง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี นอกจากนี้ Finn ยังผลักดันตัวเองให้เป็นมากกว่าผู้ให้การศึกษา ด้วยการดูแลนักเรียนในทุกด้าน อีกทั้งในการเรียนปีสุดท้าย นักเรียนจะยังมีทีมงานผู้สอนของFinn คอยช่วยดูแลในเรื่องการทำรายงาน การเขียน Assignment และให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิตตลอดเวลาที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งการสร้างมาตรฐานเหล่านี้ ทำให้นักเรียนในโปรแกรม Top-up Degree ทุกรุ่น มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ใน Top 5 ของบอร์ดการศึกษาอังกฤษ และจบการศึกษาในอันดับเกียรตินิยมกว่า 80%"
การร่วมมือระหว่าง กลุ่มสถาบันการศึกษาในประเทศไทย กับ ศูนย์การศึกษา Finn มีแผนเริ่มเปิดหลักสูตรในช่วงเดือนมีนาคม 2563 โดยนำร่องที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีวิศวกรรมแหลมฉบัง โดยในอนาคตโปรแกรม Top-up Degree นี้ จะเปิดสอนทั้งในสถาบันระดับอุดมศึกษาและสถาบันอาชีวศึกษา เพื่อต่อยอดศักยภาพของนักเรียนไทยไปสู่สถาบันระดับโลก รวมทั้งพัฒนาสถาบันไทยทั้งด้านวิชาการและด้านอาชีพ ให้มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล
ปัจจุบัน ศูนย์การศึกษา "Finn" (ชื่อเดิม Finn College) นับเป็นศูนย์การศึกษาแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ทำการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นเฉพาะโปรแกรม Top-up Degree โดยก่อตั้งมาแล้วกว่า 6 ปี จากการทดลองทำการเรียนการสอนกับนักเรียนกลุ่มเล็กๆ จนถึงปัจจุบันมีนักเรียนจบการศึกษาในสถาบันชั้นนำระดับโลกร่วม 80 คน โดยเปิดรับสถาบันการศึกษาที่ต้องการทำความร่วมมือกับ Finn หรือผู้ที่สนใจในหลักสูตรการเรียนปริญญาตรี 3 ปี แบบ Top-up Degree สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร: 083-057-7956, 092-616-6428, 02-619-1249 หรือที่ www.finn.ac และ Line: @finncollege
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit