MQDC รวมพลังกับ อบก. และอีอีซี – ดีที ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย ตอกย้ำเดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการเมืองระดับโลกแห่งแรก ที่ใส่ใจทุกชีวิตอย่างแท้จริง

20 Jan 2020
เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการป่าในเมืองใหญ่บนพื้นที่กว่า 398 ไร่ บริเวณถนนบางนา พร้อมแล้วสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ภายใต้การร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และบริษัทอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
MQDC รวมพลังกับ อบก. และอีอีซี – ดีที ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย ตอกย้ำเดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการเมืองระดับโลกแห่งแรก ที่ใส่ใจทุกชีวิตอย่างแท้จริง

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ถือเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.25 แสนล้านบาท เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือโครงการแรกของโลกที่นำธรรมชาติ มนุษย์ สัตว์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มาอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน โดยโครงการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 40% ผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียน ระบบพลังงานประสิทธิภาพสูง และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ของผืนป่าภายในโครงการ

บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกัน (MoU) กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และบริษัทอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด ในการร่วมประเมินปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นเวลา 3 ปี เพื่อกำหนดทิศทางใหม่สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของไทย

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการ MQDC กล่าวว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาความรู้และแนวทางปฏิบัติเชิงลึกเพื่อต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน

"เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือโครงการที่มีเพื่อนบ้านเป็นโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม โรงพยาบาล สำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมถึงมีพื้นที่ป่าขนาดกว่า 30 ไร่ ที่ถูกพัฒนาภายในแนวคิด The Land of Everlasting Happiness" นายคีรินทร์ กล่าว"เดอะ ฟอเรสเทียส์จึงถือเป็นโครงการที่เหมาะสมอย่างมากสำหรับการลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะเป็นโครงการที่มีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอาศัยอยู่อย่างแท้จริงทั้งมนุษย์และต้นไม้ อีกทั้งประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่น่ากลัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งปัญหาความแห้งแล้งและอุทกภัย รวมถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้น สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนวัฎจักรที่เลวร้ายเพราะแสดงถึงความต้องการทางพลังงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อระบายความร้อนในที่พักอาศัยหรืออาคารสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้น MQDC และโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นส่วนร่วมในการมอบพื้นที่เพื่อทำการวิจัยและปฏิบัติการครั้งสำคัญในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในครั้งนี้" นายคีรินทร์ กล่าว

นางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก. กล่าวว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะสามารถนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแบบใหม่ให้กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย"ปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากขึ้น อันเนื่องมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงขึ้น ทั้งนี้ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระหว่างร้อยละ 7-20% ภายในปี 2563 และลดก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 20-25% ภายในปี 2573 เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน""อบก. รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับทาง MQDC โดยเราส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการในการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือกักเก็บได้รายกิจกรรมและโครงการจากกิจกรรมลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกภายใต้การดำเนินงานของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ตามกลไกของ อบก. อันได้แก่โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) และโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS)" นางประเสริฐสุข กล่าว

นายเกชา ธีระโกเมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่าการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาและประเมินแนวทางใหม่ที่สำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

"พันธกิจในการทำงานของ MQDC คือ 'For All Well-Being' จึงทำให้โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์มีความมุ่งมั่นในการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งในที่นี้หมายความรวมถึงทั้งมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ แมลง และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดภายในโครงการ" นายเกชา กล่าว

"การได้ร่วมทำงานกับ MQDC ซึ่งดำเนินงานภายในหลักการ "นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน" ทำให้อีอีซี – ดีทีได้มีโอกาสช่วยพัฒนาระบบพลังงานและระบบสาธารณูปโภคในแนวทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ระบบทำความเย็นรวมศูนย์ (district cooling system) และ อาคารสาธารณูปโภคส่วนกลาง (CUP) รวมถึง "หุบความเย็น" (cooling basin) ที่ใช้คุณลักษณะของการออกแบบภูมิสถาปัตย์เพื่อสร้างสภาวะภูมิอากาศที่เย็นสบาย จากความร่วมมือในการพัฒนาดังกล่าวนี้ทำให้เราในฐานะผู้รับผิดชอบในการวางผังระบบวิศวกรรม และเป็นผู้ประเมินการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาดการณ์ว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับโครงการโดยทั่วไป" นายเกชา กล่าว

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในระดับประเทศต่อไป"แรงบันดาลใจของ MQDC ในการพัฒนาโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ คือการสร้างเมืองแห่งความสุขที่ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นโครงการเมืองแห่งแรกของโลกที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบสิ่งแวดล้อมทั้งหมดให้เชื่อมกับธรรมชาติ ดังนั้นการร่วมมือกันในครั้งนี้เรามีความตั้งใจที่จะทำให้โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมการประเมินปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงได้รับการรับรองปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

"นอกจากนี้เราจะสนับสนุนโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ให้เป็นพื้นที่นำร่องในการสนับสนุนทางด้านวิชาการในการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย" นายกิตติพันธุ์ กล่าวพิธีการลงนามข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้จัดขึ้นที่ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) โดยมีตัวแทนจากทั้ง 3 องค์กรได้แก่นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ จาก MQDC นางประเสริฐสุข เพฑูรย์สิทธิชัย จาก อบก. และนายเกชา ธีระโกเมน จากบริษัทอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด ร่วมลงนาม

เกี่ยวกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมาหชน) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2550 ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์หลักในการวิเคราะห์ กลั่นกรอง และให้ความเห็นเกี่ยวกับการให้คำรับรองโครงการที่ได้รับคำรับรอง โดยองค์กรมีพันธกิจหลักในการพัฒนาและส่งเสริมกลไกการลดก๊าซเรือนกระจก รับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก และพัฒนาตลาดซื้อขายปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง เป็นศูนย์กลางข้อมูลก๊าซเรือนกระจก และเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือระหว่าภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งให้คำปรึกษาทางวิชาการด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก

เกี่ยวกับบริษัทอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ จำกัด

อีอีซี – ดีทีคือบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัทอีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาและจัดการระบบสาธารณูปโภคภายใต้แนวคิด "นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน" ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงสุด

บริษัทมีเป้าหมายในการให้บริการลูกค้าทางด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยบริษัทอีอีซี – ดีทีมีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและปฏิบิการระบบทำความเย็น (district cooling) และระบบทำความร้อน (heating systems) ที่ใช้พลังงานต่ำกว่าระบบตามปกติทั่วไป อีกทั้งบริษัทยังคิดค้นระบบการประหยัดน้ำ (zero water waste ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางและลดความต้องการการใช้น้ำ ทำให้โครงการใช้น้ำในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้อีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ ได้ทำการพัฒนานวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อช่วยลดความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำ และทรัพยากรอื่น ๆ อีกด้วยอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเกี่ยวกับงานออกแบบ ก่อสร้าง และปฏิบัติการโรงงานสาธารณูปโภคส่วนกลาง (CUPs) อีกด้วย

ทั้งนี้อีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์ได้มีส่วนร่วมในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ด้วยการจัดเตรียมระบบ CUP ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการความร้อนสะสมจากเครื่องพักกระแสไฟฟ้าระบบ AC ที่จะช่วยลดอุณหภูมิภายนอกอาคารจึงทำให้พื้นที่โดยรอบของโครงการมีสภาพอากาศที่ไม่ร้อนจนเกินไป

บริษัทอีอีซี – ดีที กรีน พาวเวอร์มีความมุ่งมั่นในการทำงานแบบ 'dynamic learning organization' โดยนำเสนอแนวทางนวัตกรรมในแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ ซึ่งบริษัทได้ทุ่มเทในการค้นหาแนวทางปฎิบัติที่ดีที่สุดและได้มีการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์การทำงานของบริษัทต่อสาธารณชนผ่านการจัดสัมมนา บรรยาย บทความทางวิชาการ รวมถึงการให้ข้อมูลผ่านสื่อต่าง ๆ อีกด้วย

เกี่ยวกับบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)

บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ดำเนินธุรกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย บ้าน คอนโดมิเนียม โครงการมิกซ์ยูสและธีมโปรเจกต์ รวมถึงธุรกิจค้าปลีกและโรงแรม พร้อมดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญา 'For All Well-Being'

MQDC พัฒนาที่อยู่อาศัย โครงการมิกซ์ยูสและธีมโปรเจกต์ภายใต้แบรนด์ "แมกโนเลียส์" (Magnolias) "วิสซ์ดอม" (Whizdom) ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) และมัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove) เพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสร้างการใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

MQDC ได้ให้การรับประกัน 30 ปีในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม

การประยุกต์ปรัชญา 'นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน' MQDC มุ่งมั่นที่จะนำพาภาคธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ความยั่งยืน ดังนั้น MQDC ได้ให้การสนับสนุนงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) ซึ่งเป็นศูนย์การวิจัยแห่งแรกของเอเชียที่มุ่งเน้นด้านการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสรรพสิ่งบนโลก

MQDC ดำเนินงานพร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตบนโลก มากกว่านั้นยังมีเป้าหมายในการพัฒนาความยั่งยืนเพื่อสังคมโดยรวม

ข้อมูลเพิ่มเติม www.mqdc.com

เกี่ยวกับเดอะ ฟอเรสเทียส์

"เดอะ ฟอเรสเทียส์ - The Forestias โครงการที่นำเสนอแนวคิดในรูปแบบ Enchanted Community District in The Forest ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Imagine Happiness" โดยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการแรกของโลกที่ธรรมชาติ สัตว์ และมนุษย์ จะสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อีกทั้งยังเอื้อให้คนทุกเจเนอเรชั่นสามารถอยู่และร่วมกันทำกิจกรรมอย่างมีความสุขแบบยั่งยืน โดยโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นโครงการต้นแบบที่ผสานแนวคิด "Happy Living Community for Intergeneration" ด้วยการรังสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ผ่านการออกแบบที่ใส่ใจในทุกมิติ ทั้งบริบทของธรรมชาติ การผสานนวัตกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการวางแผนออกแบบโครงการฯ ให้มีระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัยและยั่งยืน รวมถึงการมอบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ด้วยการปลูกผืนป่ากว่า 30 ไร่ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลระหว่างมนุษย์ และธรรมชาติให้คืนกลับมาใหม่อีกครั้ง

โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.7 บนพื้นที่กว่า 398 ไร่ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ประกอบด้วย โครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่ธุรกิจ โรงแรมบูธีคระดับ 6 ดาว คอมมิวนิตี้ & แฟมิลี่เซ็นเตอร์ โรงภาพยนตร์สไตล์วินเทจ ร้านค้า ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน เนอร์สเซอรี่ ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาล และอาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำหรับชุมชน พิพิธภัณฑ์และศูนย์เรียนรู้ ตลอดจนระบบนิเวศของผืนป่าขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์"