นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังขับเคลื่อนสู่การเป็น Digital อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับการนำระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวผ่าน Mobile Application ของกรมสรรพากรและพันธมิตร เป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลัง 4 หน่วยงานกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการดำเนินงานโครงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพระบบงาน นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้การพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าให้เพิ่มขึ้น และส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้จากท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 10 แห่ง และตัวแทนให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรในเมืองที่กรมสรรพากรได้อนุมัติ อย่างไรก็ดี จากสถิติการคืนภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2553-2562) พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นสูงถึงกว่า 6 เท่า จาก 352,000 ราย ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 2.6 ล้านราย ในปี 2562 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มูลค่าการซื้อสินค้าและบริการของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า จาก 10,900 ล้านบาท ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 46,000 ล้านบาท ในปี 2562
ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้สามารถคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และปลอดภัย กรมสรรพากรได้นำระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้นักท่องเที่ยวผ่าน "Application Thailand VRT" ระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แบบ Digital เต็มรูปแบบ อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบข้อมูลการซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งข้อมูลการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน Click เดียวตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ กรมสรรพากรได้ร่วมกับกรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และธนาคารกรุงไทยฯ พัฒนาระบบWeb Application เพื่อให้สามารถทำงานได้แบบ Paperless ในการตรวจสอบข้อมูลและยืนยันสถานะสินค้าที่ได้มีการนำออกนอกประเทศ และเปิด API ให้ร้านค้าสามารถส่งข้อมูลการซื้อสินค้าและบริการของนักท่องเที่ยวเข้าสู่ระบบเพื่อการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรได้ นับว่าเป็นการพัฒนาระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวแบบ Digital เต็มรูปแบบ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับกรมสรรพากรในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว ผ่านApplication Thailand VRT นั้น ปัจจุบันพร้อมใช้งาน และธนาคารได้ร่วมกับกรมสรรพากรในการเชื่อมต่อกับร้านค้าต่างๆ โดยคาดว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้จะมีผู้ประกอบการร้านค้าอีกประมาณ 5,000 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ Vat Refund for Tourists พร้อมเข้าสู่ระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว
"ธนาคารเชื่อมั่นว่า ระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของธนาคาร จะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความพึงพอใจให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ธนาคารนำมาใช้นั้นมีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบการได้รับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มคืนผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวเลือกไว้ ไม่ว่าจะเป็น Alipay WeChat บัตรวีซ่า มาสเตอร์การ์ด เจซีบี และยูเนี่ยนเพย์ นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ร่วมลงนามกับบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมสรรพากร กรมศุลกากร ในการเพิ่มช่องทางสื่อสารประชาสัมพันธ์โครงการ Vat Refund for Tourists ภายใต้ภารกิจของกรมสรรมพากร เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น"
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวสรุปว่า การบูรณาการความร่วมมือของ 4 หน่วยงานประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และธนาคารกรุงไทยฯ โดยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) นี้ เป็นต้นแบบของการบูรณาการการทำงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ลดระยะเวลาการดำเนินการ ลดค่าใช้จ่ายการบริการภาครัฐ และมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit