สถานการณ์โรคเรื้อนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ที่ขึ้นทะเบียนรักษาตั้งแต่ปี 2561 - 2562 (ณ 31 ธ.ค.2562) จำนวน 53 ราย โดยแยกรายจังหวัด ดังนี้ นราธิวาส 27 ราย ปัตตานี 13 ราย ยะลา 6 ราย สงขลา 4 ราย พัทลุง 2 ราย และตรัง 1 ราย จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่ค้นพบ ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม- 31 ธันวาคม 2562 จำนวน 10 ราย เป็นผู้ป่วยเด็ก 1 ราย ที่ อ. โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และผู้ป่วยพิการระดับ 2 (ที่มองเห็นด้วยตาเปล่า) 1 ราย ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า สคร.12 สงขลา ร่วมรณรงค์สัปดาห์ราชประชาสมาสัย 2563 ภายใต้แนวคิด "จิตอาสาทำดีด้วยหัวใจ ร่วมค้นหาผู้ป่วยใหม่ในชุมชน" (Be a volunteer : Be united to detect new leprosy cases) วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี ถือเป็น"วันราชประชาสมาสัย" สคร.12 สงขลา ขอเชิญชวนประชาชาชนร่วมเป็นจิตอาสา เฝ้าระวัง ค้นหาผู้ป่วยใหม่ในชุมชน ช่วยกันติดตามผู้ป่วยรายใหม่ รวมทั้งผู้ป่วยที่หลงเหลือ ให้รีบมารักษาโดยเร็ว นำไปสู่การกำจัดโรคเรื้อนได้สำเร็จ และเน้นย้ำ "โรคเรื้อนรักษาหาย รู้เร็วรักษาทัน ป้องกันความพิการได้"
โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย M.leprae เชื้อโรคนี้สามารถแพร่ติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจ การคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคเรื้อนเป็นประจำ หากผิวหนังเป็นวงด่างสีจาง หรือแดงกว่าผิวปกติ มีอาการชา หรือมีผื่นนูนแดง ตุ่มแดง ไม่คัน หากรักษาเป็นระยะเวลา 3 เดือน แล้วยังไม่หาย ให้สงสัยว่าเป็นโรคเรื้อน แนะนำให้รีบไปพบแพทย์
นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวถึงการจัดกิจกรรมรณรงค์สัปดาห์ราชประชาสมาสัย 2563 ว่า สคร.12 สงขลา โดยงานควบคุมโรคติดต่อ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส จัดกิจกรรมรณรงค์สัปดาห์ราชประชาสมาสัย ระหว่างวันที่ 15 – 22 มกราคม 2563 ในพื้นที่ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา, โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส, มัสยิด หมู่ที่ 1 ตำบลท่าธง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา, ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี, วัดสุริยาราม เทศบาลตำบลเทพา จังหวัดสงขลา โดยมีกิจกรรม ให้ความรู้เรื่องโรคเรื้อนแก่ อสม. ประชาชน และบริการตรวจคัดกรองโรคผิวหนังแก่ประชาชนที่มารับบริการ สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถรับบริการตรวจรักษาได้ฟรี ณ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเรื้อนสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit