นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (Southeast Asia Center) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า "SEAC เชื่อเสมอว่าการที่ประเทศไทยได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) โดยในปีนี้มีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิตอลกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือถือเป็นอันดับสอง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้องค์กรใหญ่ๆ ต้องรีบลุกขึ้นมาปรับตัวทำเรื่อง Digital Transformation อีกทั้งเมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตและธุรกิจในทุกแง่มุมอย่างปฏิเสธไม่ได้ เราจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอยู่กับ Digital Transformation ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความเข้าใจเทคโนโลยี ตีความ และประยุกต์ใช้งานได้ (Digital Literacy) และการพัฒนาทักษะในการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อทำให้การทำงานของเราดีขึ้น สะดวกขึ้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องเตรียมความพร้อมให้ตัวเองและธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไม่มีสะดุด ล่าสุด SEAC ได้ร่วมมือกับ Simplilearn สถาบันผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกในการฝึกอบรม Digital Skills 4.0 ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ ที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสาน และมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ นำเข้าหลักสูตรพัฒนาทักษะดิจิตอลที่หลากหลายและครอบคลุมที่สุด สำหรับนำมาประยุกต์ใช้เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจและพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของคนไทย ในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่"
"อย่ามองว่าเทคโนโลยีเป็นแค่เทคโนโลยี แต่ให้มองว่าเทคโนโลยีส่งผลกระทบเชิงลึกอย่างไรบ้างต่อชีวิตและธุรกิจของเรา หากอยากอยู่รอด ต้องดิสรัปต์ตัวเอง ก่อนจะถูกดิสรัปต์" ในมุมมองของ มร. Jaspreet Bindra ผู้ก่อตั้ง Digital Matters บริษัทให้คำปรึกษาเรื่อง Digital Transformation ผู้ซึ่งมีประสบการณ์โดยตรงและยาวนานในการสร้าง การเปลี่ยนแปลงรูปแบบองค์กรมากมายอย่างมีกลยุทธ์และชั้นเชิงทางธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเป็นตัวช่วยให้สอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า "ไม่มีองค์กรไหนที่จะสามารถพลิกโฉมธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาช่วย แต่ผู้นำองค์กรจะต้องเข้าใจกระบวนการทำ Digital Transformation ก่อนว่าการวางกลยุทธ์ทางดิจิตอล ไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพียงเท่านั้น หากองค์กรอยากจะปรับเปลี่ยนต้องตระหนักถึง 3 หัวใจสำคัญของ Digital Transformation ที่จะต้องทำงานสอดคล้องประสานกัน ได้แก่ 1. เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ส่งผลต่อโมเดลธุรกิจ (Business Model) เราจะต้องรู้จักมองหา เทรนด์และทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งถึงรูปแบบการใช้ชีวิต และความต้องการของพวกเขา เช่น การเติบโตของโมเดลธุรกิจแบบ Platform อันเป็นเพราะกระแสเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy) กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่น ที่หันมาลงทุนกับประสบการณ์ที่เน้นการเช่า-ยืมแทนการครอบครอง เพื่อลดทรัพยากรส่วนเกิน (Excess Capacity) และจัดสรรให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด 2. การให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า (Customer Experience) โดยวิเคราะห์ Consumer Journey และทำการวางรูปแบบตลาดให้สอดคล้องกันทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ (Online & Offline Strategy) เพราะทุกวันนี้เราไม่สามารถแยก 2 เรื่องนี้ได้ในการวางกลยุทธ์ เนื่องจากชีวิตของคนเราล้วนแล้วแต่ต้องเจอกับเรื่องทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผสมกันอยู่ตลอดเวลา และ 3. คนและวัฒนธรรมขององค์กร (People and Culture) ซึ่งถือเป็นแกนหลักที่สำคัญที่สุด จนอาจพูดได้ว่าการทำ Digital Transformation ได้ประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย แต่การทำ Digital Transformation ที่ไม่ประสบความสำเร็จเป็นเพราะเหตุผลเดียวนั่นคือเรื่องของ "คน" ซึ่งนี่คือเรื่องของการเน้นการสร้างและปลูกฝังให้คนในองค์กรมีทักษะดิจิตอลที่จำเป็น ประกอบกับการมี Digital Mindset คือกล้าลงมือทำ ไม่ยึดติด ไม่กลัวล้มเหลว พร้อมเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะหากขาดกลยุทธ์และการวางแผนที่รอบคอบ อาจกลายเป็นแค่การเปลี่ยนระบบการทำงานซึ่งเกิดประโยชน์น้อย"
โดย Simplilearn คือ สถาบันผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกในการฝึกอบรมแบบออนไลน์ กับเป้าหมายที่ต้องการส่วนหนึ่งในการช่วยให้องค์กรและธุรกิจสามารถอยู่รอดท่ามกลางกระแสดิจิตอลดิสรัปชั่น ด้วยโปรแกรมการเรียนรู้แบบเจาะลึกเกี่ยวกับ Digital Transformation มุ่งเน้นไปที่การรีสกิล (Reskill) และอัพสกิล (Upskill) คนและองค์กรทั่วโลกผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด ปัจจุบัน Simplilearn ให้บริการมายาวนานกว่า 10 ปี การันตีความนิยมด้วยยอดการใช้งานกว่า 150 ประเทศทั่วโลก พร้อมไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะมากกว่า 5 ล้านคนและผู้ฝึกสอนระดับอุตสาหกรรมกว่าอีก 1,000 คน อัดแน่นไปด้วยบทเรียนออนไลน์กว่า 150 บทเรียนให้เลือก ตามความต้องการ และได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 10 แบรนด์ธุรกิจเพื่อการศึกษาที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก จาก LinkedIn
"ด้วยความตั้งใจให้คนไทยได้เข้าถึงเนื้อหา ทักษะความรู้ระดับโลกในรูปแบบและราคาที่คนไทยจับต้องได้ สำหรับความร่วมมือระหว่าง SEAC และ Simplilearn นี้ จะเน้นรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น 1.ห้องเรียนออนไลน์ผ่านโมเดลการเรียนรู้ YourNextU 2. Labs/Live Virtual Session จากผู้เชี่ยวชาญพร้อมคำแปลภาษาไทย และ 3. การนำเสนอโซลูชั่นที่เฉพาะเจาะจงต่อความต้องการของแต่ละองค์กร (Customized Solution) เพราะเราเชื่อว่าทักษะดิจิตอล (Digital Skills 4.0) คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดยุคดิสรัปชั่นที่คนไทยจำเป็นต้องรีสกิล (Reskill) และอัพสกิล (Upskill) ตั้งแต่วันนี้" นางอริญญา กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit