บลจ.ทิสโก้เพิ่มทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน หวังเพิ่มโอกาสการลงทุนให้ลูกค้า

24 Jan 2020
บลจ.ทิสโก้เผยช่วงนี้นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นปันผล หลังเข้าสู่เทศกาลบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศจ่ายปันผล แถมราคาหุ้นน่าสนใจ พร้อมประกาศขยายมูลค่าโครงการกองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุนเป็น 2,000 ล้านบาท เพิ่มโอกาสการลงทุนให้ลูกค้า
บลจ.ทิสโก้เพิ่มทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน หวังเพิ่มโอกาสการลงทุนให้ลูกค้า

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนหุ้นปันผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อรอการประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ประเมินว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาหุ้นไทยในปีก่อนหน้าปรับตัวลงมามากทำให้ราคาเริ่มกลับมาน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินมาหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจอย่างหุ้นปันผลมากขึ้น

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนหุ้นปันผล บลจ.ทิสโก้แนะนำ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน (TISCOHD) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นปันผลที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend 30 Total Return Index และกองทุนดังกล่าวยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morning Stars (ข้อมูลเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 62) อีกด้วย ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ใช่สิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากองทุน TISCOHD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดี บลจ.ทิสโก้จึงได้ขยายมูลค่าโครงการจากเดิม 1,000 ล้านบาทเป็น 2,000 ล้านบาท โดยนักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุน กองทุน TISCOHD ได้ในทุกวันทำการ ไม่กำหนดมูลค่าลงทุนขั้นต่ำ

ทั้งนี้ หากพิจารณาราคาหุ้นปันผลในกลุ่ม SET High Dividend 30 Index (SETHD) หรือ กลุ่มหุ้น 30 ตัวที่มีประวัติการจ่ายปันผลในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องและมีสภาพคล่องในการซื้อ-ขายสูงแล้วพบว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และถือว่าอยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งตลาด โดยปัจจุบันมีระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรในอนาคต (Forward PE) อยู่ที่ 11.51 เท่า เปรียบเทียบกับดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 15.55 เท่า และภายใต้สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบสิบปีที่ 1.25% ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยอยู่ที่ราว 1.43% ในขณะที่หุ้นปันผลในดัชนี SETHD คาดการณ์ว่ามีอัตราการปันผลในปี 2563 ที่น่าสนใจประมาณ 5%

"โดยปกติแล้วหุ้นปันผลมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี เพราะนักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อรับข่าวบริษัทจดทะเบียนประกาศจ่ายปันผล จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อรับข่าวดังกล่าว อีกทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยนอกจากจะชนะอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วย ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศ และต่างประเทศก็อยู่ในระดับต่ำมาก นอกจากนี้ หากพิจารณาที่ผลตอบแทนจากอัตราเงินปันผลตั้งแต่ปี 2554 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2562 พบว่า อัตราเงินปันผลของดัชนี SETHD สูงกว่าดัชนี SET ทำให้มองว่าการลงทุนในหุ้นปันผลสูง น่าจะคุ้มค่าและน่าสนใจเมื่อเทียบกับการฝากเงินหรือลงทุนในพันธบัตร และการลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคง มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้อีกด้วย"นายสาห์รัชกล่าว

ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา, TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4, www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชั่น TISCO My Funds