สำหรับ "โครงการรวมพลังหาร 2" เจ้าภาพใหญ่ คือ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างจิตสำนึกให้คนไทยตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างประหยัดและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนทุกคนมีวินัยคิดก่อนใช้ทุกครั้ง ซึ่งเคยสร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้แคมเปญฮิตทุกบ้านทั่วเมืองสามารถท่องบทอาขยาน ป.ปลา นั้นหายาก และร้องเพลงแหล่หาร 2 ได้มาแล้ว แต่วันนี้เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป แคมเปญมี Target audience เป็นกลุ่มคน Gen Y อายุระหว่าง 25 – 39 ปี โดยเป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนสังคมในปัจจุบันและมีพฤติกรรมนิยมใช้สื่อออนไลน์เป็นหลักอีกทั้งยังเปิดรับข้อมูลข่าวสารแบบสั้นๆ ฉะนั้นวิธีในการสื่อสาร และการหยุดความสนใจสำหรับกลุ่ม Gen Y นี้ จึงต้องปรับรูปแบบการนำเสนอให้เกิดความสร้างสรรค์ขึ้นและเลือกใช้ช่องทางออนไลน์สำหรับการสื่อสารเป็นหลัก ซึ่งเป็นหลักคิดตามแนวทาง Value Centric Marketing
นอกจากนี้ สนพ. ได้ทำการศึกษาและพบอินไซด์สำคัญของคน Gen Y ว่ามีรูปแบบการใช้ชีวิตไม่เหมือนกับคนรุ่นก่อนมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อาทิ ช้อปปิ้งออนไลน์ถึง 17.8% สั่งอาหารผ่าน Food Delivery 15% รวมทั้งใช้บริการ App เรียกรถโดยสารมากถึง 13.1% เหล่านี้คือไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้มากทีเดียวโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว และที่สำคัญคือช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
จากข้อมูลดังกล่าวเนื้อหาที่นำเสนอจึงถูกปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตยุค 4.0 มากขึ้น อาทิ การประชุมออนไลน์ การใช้ IoT เพื่ออำนวยความสะดวกในบ้านการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ หรือการใช้ยานยนต์หรือรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อประหยัดน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการใช้ชีวิตแล้ว ที่สำคัญคือช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมากทีเดียว แต่อีกจุดที่นับได้ว่าเป็นจุดเด่นสำคัญที่โครงการรวมพลังหาร 2 ทำก็คือ การหยิบเอาเรื่องราวการประหยัดพลังงานง่ายๆ ใกล้ตัว มานำเสนอให้เห็นภาพและนำไปปฏิบัติได้เลยในชีวิตประจำวัน ซึ่งจุดนี้ทางโครงการทำมาตลอดและทำได้อย่างดีอีกด้วย
อีกสิ่งที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงจากแคมเปญนี้ก็คือเทรนด์การทำการตลาดยุคใหม่กับ Influencer Marketing โดยมีการนำเอาคนดังออนไลน์อย่าง "เพจหมอแล็บแพนด้า" (ภาคภูมิ เดชหัสดิน) มาเป็นคนเดินเรื่องให้ชวนติดตามน่าสนใจมากขึ้นกับมุกตลกที่สอดแทรกแบบมีสาระ ทำให้เนื้อหาเข้าใจง่ายและจดจำได้ง่าย รวมทั้งเข้าถึงกลุ่ม Gen Y และ Gen C กลายเป็นไวรัลที่คนพูดกันติดปากกับคำว่า "นวัตกรรมหาร 2 ลองเลย!" ซึ่งปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 8.3 ล้านวิว เพียงไม่ถึง 30 วัน นั่นเพราะโครงการฯ สามารถตีโจทย์แตกได้ทั้งกลุ่มเป้าหมายและวิธีในการสื่อสารที่ตรงจุดสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป
แต่การทำแคมเปญทางการตลาดที่ดีไม่ใช่แค่ปล่อยคลิปไวรัลแล้วจบ ควรต้องนำมาต่อยอดด้วย activity ดีๆ เพื่อทำให้เกิดอิมแพคและสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องจึงได้มีการจัดกิจกรรมต่อยอดกระแสจากไวรัลคลิป จัดกิจกรรม "Han 2 The Battle" เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมพร้อมแบ่งปันไอเดียแนวคิดการประหยัดพลังงานรูปแบบใหม่ที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่งภายในงานมีการจัดนิทรรศการ 8 นวัตกรรมประหยัดพลังงาน ได้แก่ Smart Mobility, Smart Lifestyle และ Smart Living รวมทั้งจัดเวทีประชันไอเดียประหยัดพลังงานในหัวข้อ
"นวัตกรรมใช้จริงประหยัดจัง พฤติกรรมทำจริงประหยัดแน่" ซึ่งเวทีนี้ใช้กลยุทธ์ Endorser เชิญไอคอนคนดังมาร่วมกิจกรรมเพื่อดึงดูดความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น เก้า-สุภัสสรา, ดีเจเผือก - พงศธร, ดาว-ณัฐภัสสร, เบสท์-ณัฐสิทธิ์, ซาร่า-AF, บาส-เอสบีไฟฟ์, น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ พร้อมศิลปิน BNK 48 ที่มาร่วมส่งความสนุกด้วยการแสดงพลังจากตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นผู้นำทางความคิดให้กับกลุ่มเป้าหมาย สร้างความสนใจทำให้มีผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก
ภาพรวมทั้งหมดจะเห็นได้ว่า โครงการรวมพลังหาร 2 ในปีนี้เน้นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์ทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้นแต่ช่วยประหยัดพลังงานได้เยอะขึ้น เป็นการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทที่เข้าใจคนใจคนรุ่นใหม่ซึ่งถือได้ว่า โครงการรวมพลังหาร 2 เป็นแคมเปญภาครัฐที่ยืนหนึ่งเรื่องความคิดสร้างสรรค์และเน้นการทำงานที่ไม่ยึดติดกรอบ ดังนั้น นอกจากจะถือว่าเป็นเคสตัวอย่างการสร้างสรรค์งานของรัฐที่ดีแล้วภาคเอกชนก็สามารถหยิบไปใช้เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญที่เกี่ยวกับการนำเอานวัตกรรมต่างๆ มาใช้ก็ได้ และต้องยกนิ้วชม ไอเดีย เรียกว่าศึกษาทำการบ้านมาอย่างดีทีเดียว และหากต้องการไอเดียเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมการประหยัดพลังงานหาร 2 สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ www.รวมพลังหาร 2.com, Facebook.com/eppohan2/
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit