ฝังเข็มเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งของการแพทย์แผนจีน ที่ปัจจุบันมีการเรียนการสอนในประเทศไทย โดยหลักสูตรการเรียนการสอนได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข แพทย์ผู้ทำการรักษาจะมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะเหมือนแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งการที่ผู้ป่วยจะเข้ารับการรักษาโดยวิธีฝังเข็มนั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าสามารถเข้ารับการรักษาได้หรือไม่
การรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม สามารถทำได้ในทุกช่วงอายุ ที่ผ่านมาเคยมีการรักษาด้วยวิธีการฝังเข็มในเด็กเพื่อช่วยในเรื่องของพัฒนาการและรักษาอาการปวดต่างๆ แต่เด็กที่จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ จะต้องสามารถทนอยู่นิ่งๆ ตลอดเวลา 20-30 นาทีของการฝังเข็มได้ และผู้ปกครองควรรับทราบและยินยอมให้มีการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวด้วย
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาตามอาการเจ็บป่วยและเงื่อนไขของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน อาการที่นิยมรักษาด้วยการฝังเข็ม จะเป็นอาการปวดเมื่อยต่างๆ ปวดหลัง ปวดขา ปวดศีรษะ ปวดเข่า ออฟฟิศซินโดรม บาดเจ็บจากขาพลิก ขาแพลง เป็นตะคริว เคล็ดขัดยอกที่เกิดจากการออกกำลังกาย นอนไม่หลับเพราะความเครียด วิตกกังวล โรคภูมิแพ้ นิ้วล๊อคในระยะเริ่มต้น อัมพฤตอัมพาตในระยะเริ่มต้น การฝังเข็มจะช่วยฟื้นฟูกระตุ้นให้ระบบต่างๆ กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยรักษาควบคู่ไปกับการทำกายภาพบำบัด เพื่อกระตุ้นให้ระบบร่างกายกลับมาทำงานตามปกติได้ไวขึ้น ทำให้มีการฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และยังมีบางคนที่ฝังเข็มเพื่อลดความอ้วน เพื่อปรับสมดุลร่างกาย ควบคู่ไปกับการคุมอาหารและการออกกำลังกาย
นอกจากอาการและโรคต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น การฝังเข็มยังใช้สำหรับการเสริมความงามได้ด้วย มีการฝังเข็มเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดลมมาเลี้ยงบริเวณใบหน้าได้ดีขึ้น ลดฝ้ากระ ริ้วรอย ทำให้ใบหน้าผ่องใส
เข็มที่ใช้ฝังจะมีลักษณะคล้ายเข็มเย็บผ้า แต่มีขนาดที่บางกว่า เป็นเข็มที่ออกแบบมาเพื่อการฝังเข็มโดยเฉพาะ เวลาปักเข็มจะใช้ความเร็วและทักษะของหมอแต่ละคน และจะใช้มือกระตุ้นด้วยการดึงเข็มขึ้นลง ซึ่งจะเจ็บมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ แต่น้อยกว่าการฉีดยาอย่างแน่นอน ปัจจุบันยังมีการนำเครื่องกระตุ้นไฟฟ้ามาช่วย ทำให้การกระตุ้นทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่การจะใช้เครื่องกระตุ้นหรือไม่นั้น แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมินอาการ เพราะบางอาการอาจจะไม่เหมาะที่จะใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าทั้งนี้ เพื่อให้การรักษาโดยวิธีการฝังเข็มได้ผล ควรเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะห่างของการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 1-2สัปดาห์ สำหรับใครที่กลัวเข็มแต่ต้องการรักษาตามแผนจีน สามารถเลือกการรักษารูปแบบอื่นได้ เช่น การครอบโคม เป็นต้น
สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ควรรับประทานอาหารก่อนเข้ารับการรักษา 1-2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเป็นลมสำหรับคนที่มีอาการกลัวเข็ม ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่บีบรัด เพื่อให้เลือดลมเดินสะดวกช่วงที่มีการฝังเข็ม สำหรับผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านเกล็ดเลือด จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบล่วงหน้าด้วย
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาด้วยการฝังเข็ม หรือคำถามด้านสุขภาพอื่นๆ สามารถขอรับคำ ปรึกษาได้จากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1 และ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร จังหวัดพิจิตร และโรงพยาบาลศิริเวชลำพูน จังหวัดลำพูน และยังสามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่เฟซบุ๊ก: Principal Healthcare Company
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit