ฟอร์ด เรนเจอร์ กระบะ เพื่อพิชิตทุกการใช้งาน และการผจญภัยสมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” กับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ดินแดนแอฟริกาใต้

24 Dec 2019
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี นำคณะสื่อมวลชนจาก ประเทศไทย ซาอุดิอาระเบีย เคนย่า และตูนีเซีย ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับฟอร์ด เรนเจอร์ ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานการผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์ แห่งสำคัญของฟอร์ด
ฟอร์ด เรนเจอร์ กระบะ เพื่อพิชิตทุกการใช้งาน และการผจญภัยสมนิยาม “เกิดมาแกร่ง” กับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ดินแดนแอฟริกาใต้

รถกระบะของฟอร์ดเป็นที่ไว้วางใจสำหรับการลุยงานหนักและดำเนินธุรกิจทั่วโลกมาแล้วกว่า 100 ปี และเป็นหนึ่งในรถระดับตำนานอันโดดเด่น

ฟอร์ดได้พัฒนารถกระบะมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาและประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน จากการรับฟังความคิดเห็นของเจ้าของรถ และนำมาพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อปรับปรุงศักยภาพในการใช้งาน นวัตกรรมเหล่านี้เองที่ทำให้รถกระบะฟอร์ดในปัจจุบันมีความสามารถในการลากจูงที่เหนือกว่า เครื่องยนต์อันล้ำสมัยที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ไปจนถึงเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ที่ช่วยให้ขับขี่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

คุณสมบัติทั้งหมดนี้รวมอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ ที่มาพร้อมกับขุมพลังอัจฉริยะประสิทธิภาพสูง มอบสมรรถนะอันทรงพลัง รวมถึงการตอบสนองที่เหนือกว่า และประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม

ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะคุณภาพเยี่ยมที่การันตีโดยรางวัลมากมาย ได้รับการออกแบบ ผ่านการทดสอบ และสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานที่เหมาะสำหรับแต่ละภูมิภาค โดยมีฐานการผลิตสำหรับการจำหน่าย และส่งออกไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตั้งอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ ไทย อาร์เจนติน่า และสหรัฐอเมริกา

ด้วยยอดขายที่สูงเป็นประวัติกาลมานานนับสิบปี ฟอร์ด เรนเจอร์ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถกระบะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่เสมอ ด้วยการผสมผสานความแกร่ง สมรรถนะ เทคโนโลยีอัจฉริยะ การใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ และดีไซน์อันโดดเด่น

ปี พ.ศ.2561 เป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของเรนเจอร์ในภูมิภาค ด้วยยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และประเทศไทย โดยในปัจจุบัน ฟอร์ด เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งตลาดเป็นลำดับที่ 3 ในตลาดรถกระบะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากในประเทศไทย นอกจากนี้ เรนเจอร์ ยังเป็นรถกระบะรุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ และเวียดนามอีกด้วย

ฟอร์ด เรนเจอร์เป็นรถกระบะที่มีศักยภาพมากมายที่สามารถสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC)ซึ่งหลายประเทศในกลุ่มนี้กำลังเติบโตอย่างมาก ในหลายภาคส่วน เนื่องจากเป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนและมีความหลากหลายยิ่งขึ้น และด้วยภูมิประเทศที่แห้งแล้งปกคลุมด้วยทะเลทรายและอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ซาอุดีอาระเบียจึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่จำเป็นต้องมีรถกระบะที่แกร่ง วางใจได้ และออกแบบมาเพื่อเผชิญกับทุกสภาพแวดล้อมและอากาศอันแสนทรหดในแต่ละปี

รถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ถูกสร้างมาเพื่อความทนทาน ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ไว้วางใจได้ ตลอดอายุการใช้งาน และผ่านการพิสูจน์ในสภาพภูมิประเทศที่ทรหดและสภาพอากาศอันเลวร้ายมาแล้ว ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรป ประเทศไทย แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา

จึงไม่น่าแปลกใจที่ฟอร์ด เรนเจอร์ จะเป็นหนึ่งในรถกระบะที่ขายที่ที่สุดในแอฟริกาใต้ และครองตลาดรถกระบะ 4 ประตู ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้ เรนเจอร์ยังเป็นรถรุ่นที่ส่งออกสูงที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแอฟริกาใต้ และครองอันดับหนึ่งด้านการส่งออกในกลุ่มรถบรรทุกขนาดเล็ก (LCV) และครองตำแหน่งรถกระบะที่ขายดีที่สุดในยุโรป

ฟอร์ด เรนเจอร์ ผลิตจากโรงงาน 4 แห่งทั่วโลก ได้แก่ จังหวัดระยอง ประเทศไทย เมืองซิลเวอร์ตัน ประเทศแอฟริกาใต้ เมืองปาเชโก ประเทศอาร์เจนติน่า และเมืองเวยน์ มลรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา

  • เรนเจอร์ในประเทศแอฟริกาใต้

ฟอร์ด มีโรงงานในประเทศแอฟริกาใต้จำนวน 2 แห่ง คือ โรงงานซิลเวอร์ตัน ซึ่งเป็นโรงงานประกอบ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตซิลเวอร์ตัน กรุงพริทอเรีย และโรงงานสตรูเอนเดล โรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับนำไปประกอบภายในประเทศและส่งออก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองพอร์ต เอลิซาเบท

ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ได้ลงทุนในด้านการดำเนินธุรกิจภายในประเทศแอฟริกาใต้ไปแล้วกว่า 1.1 หมื่นล้านแอฟริกันแรนด์ หรือกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีการตั้งฐานการผลิตที่มีกำลังการผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่สูงที่สุดของฟอร์ด

"ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการดำเนินการผลิตของฟอร์ดในแอฟริกาใต้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง" มร. นีล ฮิล กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ภาคพื้นตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา ทวีปแอฟริกา กล่าว "เราได้พัฒนาจากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์หลายรุ่นที่ผลิตในปริมาณไม่สูงมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดภายในประเทศ มาเป็นผู้ผลิตรถยนต์แบบแพลตฟอร์มเดียวที่ผลิตรถยนต์ในปริมาณสูง ซึ่งผลิตเรนเจอร์เพื่อการส่งออกไปยัง 148 ประเทศทั่วโลก"

"เรนเจอร์ กระบะคุณภาพสูงที่มีรางวัลการันตี เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้ ซึ่งความต้องการในตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนาและยกระดับโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตตลอดหลายปีที่ผ่านมา" มร. ฮิล กล่าวเสริม "จากเดิมที่เรามีกำลังการผลิตรถยนต์ที่ 110,000 คัน เมื่อเริ่มผลิตเรนเจอร์รุ่นใหม่ในปี พ.ศ. 2544 ปัจจุบัน เรามีกำลังการผลิตรถยนต์สูงถึง 168,000 คันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต"

การลงทุนในสายการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2552 ด้วยการพลิกโฉมโรงงานที่ผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งประกอบด้วยโรงงานซิลเวอร์ตัน กรุงพริทอเรีย และโรงงานผลิตเครื่องยนต์สตรูเอนเดลในเมืองพอร์ต เอลิซาเบท ให้กลายเป็นโรงงานแพลตฟอร์มเดียวที่มีกำลังการผลิตสูง เพื่อรองรับการผลิตเรนเจอร์รุ่นใหม่ผู้นำตลาดรถกระบะ และเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์คและเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ

ในปี พ.ศ.2559 ฟอร์ดลงทุนเพื่อขยายการผลิตเรนเจอร์ และเพื่อการประกอบรถอเนกประสงค์เหนือระดับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สำหรับตลาดภายในประเทศแอฟริกาใต้ และเพื่อส่งออกไปยังตลาดประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราด้วย

ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ รุ่นประกอบในประเทศแอฟริกาใต้ มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากเดิมเพียง 2 รุ่นและยังต้องนำเข้าจากประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 8 รุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นนี้ นอกจากนี้ การดำเนินการผลิตภายในประเทศยังช่วยให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกราว 1,200 ตำแหน่งที่ฟอร์ด ประเทศแอฟริกาใต้ และภายในกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้ผลิตจัดหาสินค้าอีกด้วย

"เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ฟอร์ดเป็นบริษัทที่มีการจ้างงานสูงที่สุดในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 4,100 คนในประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานทางอ้อมอีกประมาณ 40,000 ตำแหน่ง ตลอดห่วงโซ่การผลิต" มร. ฮิล กล่าวเสริม

ในปี พ.ศ.2560 ได้มีการประกาศอัดฉีดเงินทุนครั้งใหญ่อีกครั้งในการผลิตรถฟอร์ดภายในประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิตรถยนต์ได้ถึง 168,000 คันต่อปี

"การลงทุนอย่างต่อเนื่องและการยกระดับโรงงานของเราถือเป็นการสร้างความมั่นใจว่าฟอร์ดมีความพร้อมในการรองรับความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ที่มาพร้อมกับโอกาสการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย" มร. นีล กล่าวสรุป

  • โรงงานผลิตเครื่องยนต์สตรูเอนเดล

ฟอร์ด เริ่มธุรกิจในเมืองพอร์ต เอลิซาเบท ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 โดยได้ก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์สตรูเอนเดลในปี พ.ศ.2507 ซึ่งปัจจุบันมีสายการผลิตเครื่องยนต์ 2 กลุ่มด้วยกัน คือ สายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตรรุ่นใหม่ และ สายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 ลิตร และเ 3.2 ลิตร

สายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์คเริ่มต้นในปี พ.ศ.2554 เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถฟอร์ด เรนเจอร์ โดยนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส และบราซิล และนำมาผลิตที่โรงงานนี้ ก่อนที่จะนำไปประกอบและส่งต่อไปยังโรงงานที่เมืองซิลเวอร์ตันเพื่อประกอบเรนเจอร์หรือเอเวอเรสต์ หรือส่งไปยังเมืองแคนซัสซิตี้ สหรัฐอเมริกา เพื่อนำไปติดตั้งในรถตู้รุ่นทรานสิท นอกจากนี้ โรงงานสตรูเอนเดลยังส่งออกเครื่องยนต์ที่ประกอบเรียบร้อยแล้วไปยังประเทศรัสเซีย ตุรกี และอิตาลี

นอกจากนี้ โรงงานนี้ยังผลิตและส่งชิ้นส่วนเครื่องยนต์ (ฝาสูบ เสื้อสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง) ไปยังโรงงานฟอร์ดในประเทศไทยและอาร์เจนตินา โดยในหนึ่งวัน โรงงานนนี้สามารถประกอบเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 ลิตร ได้ประมาณ 410 เครื่อง และผลิตชุดส่วนประกอบเครื่องยนต์ได้ประมาณ 850 ชิ้นต่อวัน

กำลังการผลิตของสายการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค 2.2 ลิตร เพิ่มขึ้นจากเดิมที่สามารถผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ (ฝาสูบ เสื้อสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง) ได้ 220,000 ชุดในปี พ.ศ.2554 เป็น 280,000 ชุดในปี พ.ศ.2561 และมีกำลังการผลิตเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจาก 75,000 เครื่องต่อปี เป็น 130,000 เครื่องต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

สายการผลิตเครื่องยนต์สายที่ 2 เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในโรงงานซิลเวอร์ตันและสตรูเอนเดลในปี พ.ศ.2559 ด้วยวงเงิน 3 พันล้านแอฟริกันแรนด์ หรือราว 6 พันล้านบาท โดยการก่อสร้างโรงประกอบใหม่นี้เริ่มต้นในปี พ.ศ.2560 และผลิตเครื่องยนต์เครื่องแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2561 และนับแต่นั้น พนักงานโรงงานแห่งนี้ได้ประกอบเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ทั้งแบบเทอร์โบคู่และเทอร์โบเดี่ยว แล้วเกือบ 52,000 เครื่อง

โรงงานสตรูเอนเดลใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากโรงงานฟอร์ด เมืองดาเกนแฮม ประเทศอังกฤษ และใช้ระบบอัตโนมัติในสายการผลิตย่อยสำหรับการผลิตฝาสูบ โดยมีพนักงานทักษะสูงประจำการอยู่ที่สายการผลิตและใช้กล้องเทคโนโลยีสูง และระบบตรวจสอบสแกน เพื่อกำจัดข้อผิดพลาดในสายการผลิต

จากการทำงาน 2 กะต่อวัน และ 5 วันต่อสัปดาห์ ทีมงานสามารถประกอบเครื่องยนต์ได้มากถึง 320 เครื่องต่อวัน

ในส่วนของกำลังการผลิตของสายการประกอบเครื่องยนต์รุ่นใหม่อยู่ที่ 120,000 เครื่องต่อปี ส่งผลให้โรงงาน ณ เมืองพอร์ต เอลิซาเบท มีกำลังการผลิตเครื่องยนต์ทุกรุ่นได้สูงสุดถึง 250,000 เครื่องต่อปี

ในส่วนกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนของฟอร์ด มีการตรวจสอบควบคุมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ มีการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยละเอียดตามมาตรฐานระดับโลกของฟอร์ด ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

HTML::image( HTML::image( HTML::image(