"แก้วเคยทำงานโรงงานมาก่อนที่จะมาทำเกษตร แรกเริ่มไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเกษตรกร แต่เมื่อทดลองปลูกเมล่อน ปลูกไปขายไป มีคนสั่งซื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องขยายพื้นที่โรงเรือนเพื่อปลูกเมล่อนส่งตามออเดอร์ กลายเป็นตลาดนำการผลิต จึงเริ่มสนใจทำเกษตรอย่างจริงจัง ลาออกจากโรงงาน แล้วใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการทำเกษตร และอยากมีที่ดินสักผืน จนมาเจอที่ 4 ไร่ที่ฉะเชิงเทรา มีบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดินและบ่อน้ำ แต่เดิมที่แถวนี้เป็นนาข้าวและบ่อกุ้ง จึงขอซื้อจากเจ้าของแล้วมาปรับสภาพพื้นที่ นึกถึงหลักทฤษฏีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะคิดว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว มีความเสี่ยงสูง จึงแบ่งที่ดินเป็นสัดส่วน 30/30/ 30/10 โดย 30 แรกสร้างเป็นพื้นที่สำหรับรับผู้คนมาเรียนรู้ดูงาน ร้านขายผลผลิตจากสวนตัวเอง ส่วน 30 ที่ 2 ปลูกพืชผักสวนครัว เมล่อน มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว อีก 30 สร้างเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืชผสมผสาน เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่และบ่อเลี้ยงปลา ส่วนอีก 10 ที่เหลือเป็นบ้านที่อาศัยอยู่กับครอบครัว"
คุณแก้วเริ่มค้นพบว่าการทำเกษตร ยิ่งทำยิ่งมีความสุข แม้ว่าในช่วงแรกต้องพบกับปัญหาว่าดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา หน้าดินเป็นเกลือ จึงต้องมีเครื่องวัดค่า PH ใช้วัดดิน ปุ๋ยในดิน วัดความชื้น อุณหภูมิ และน้ำ นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสภาพน้ำและดินตลอดทั้งปี และต้องปรับสภาพดิน โดยใช้เครื่องพรวนดินสม่ำเสมอ ปุ๋ยที่ใส่ในดินทำ จากมูลไส้เดือนและปุ๋ยหมักที่ทำเอง โดยนำขุยมะพร้าว กากมะพร้าว แกลบเผา แกลบดิน กระดูกสัตว์ป่น และมูลไส้เดือนมาหมักกับขี้วัว ใส่เป็นปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหารในดิน ทำให้ดินค่อย ๆ ดีขึ้น
"เราต้องแสวงหาความรู้เรื่องดิน การปลูก การป้องกันแมลง การทำโรงเรือนจากอินเตอร์เน็ต หาข้อมูลทุกอย่างมารวมกัน แล้วนำมาปรับใช้ ค่อยๆทดลองทำไปทีละน้อย ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง นำกำไรจากเมล่อนโรงเรือนแรกมาขยายเป็นโรงเรือนที่ 2 และขยายมาเรื่อย ๆ ซึ่งรายได้จากเมล่อน 1 โรงเรือน ใช้เวลาปลูก 70-90 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 300 ลูก/โรงเรือน ขายลูกละ 100 บาท ตัดผลผลิตทุก ๆ สัปดาห์ รายได้ 30,000 บาท/สัปดาห์ และเดือนละ 120,000 บาท เป็นวิธีการทำเกษตรแบบทำน้อยแต่ได้มาก ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ต่อมาตลาดจึงค่อย ๆ ขยายและเริ่มโตมากขึ้น
นอกจากนี้ คุณแก้วยังหาวิธีในการประหยัดแรงงานและเวลาในการดูแลแปลงปลูกพืชผัก ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแบ่งเบาในการทำการเกษตร โดยใช้ระบบแอปพลิเคชัน ควบคุมการให้น้ำ คุมอุณหภูมิในโรงเรือน และแสงอาทิตย์ หากมีสิ่งผิดปกติ เช่น น้ำและอุณหภูมิในโรงเรือนสูงหรือต่ำเกินไป ก็จะมีการแจ้งเตือนเข้ามาทางมือถือ และสามารถสั่งการรดน้ำภายในโรงเรือนได้ทันที ซึ่งอุปกรณ์ควบคุมทั้งหมดเรียกว่า Sunoff สามารถหาซื้อได้จากอินเตอร์เน็ต ในราคาเพียงหลักร้อยเท่านั้น ช่วยทำให้ไม่ต้องใช้เวลาในสวนตลอดทั้งวัน อยู่ที่ไหนก็สามารถสั่งการได้
ผลผลิตในแปลงของคุณแก้วได้ผ่านการรับรองว่าได้ตามมาตรฐาน GAP และปลอดจากสารเคมี ขณะที่เมล่อนจะมีความหวานกำลังพอดีที่ประมาณ 12-13 บริค และเมื่อถึงช่วงผลผลิตออก จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมและตัดผลเมล่อนเอง สร้างความน่าสนใจและเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร หลังจากเมล่อนเริ่มติดตลาด สามารถดึงนักท่องเที่ยวมายังบ้านโพธิ์ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่เริ่มขายได้ และตลาด Modern Trade เริ่มสนใจและติดต่อขอซื้อผลผลิตไปจำหน่ายในห้าง จึงเริ่มหามองหาเครือข่ายและรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ผู้ปลูกผักปลอดภัยสูงฉะเชิงเทรา จำกัด เมื่อ 11 กันยายน 2561 สมาชิกแรกเริ่ม 34 คน ทุนจดทะเบียนเพียง 34,000 บาท ปัจจุบันสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 106 คน โดยสหกรณ์จะให้ปัจจัย วัสดุในการปลูกพืชและทำการเกษตร รวมถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ และร่วมวางแผนการผลิตพืชผักและสินค้าการเกษตร เพื่อให้สมาชิกผลิตและจำหน่ายผ่านสหกรณ์ ทั้งเมล่อน ผักสวนครัว ซึ่งเกษตรกรที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกของสหกรณ์แห่งนี้ ยังได้รับการช่วยเหลือให้เงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 3 สำหรับนำไปสร้างโรงเรือนขนาด 8X16 เมตร ราคาไม่เกิน 3 หมื่นบาท ซึ่งเกษตรกรแต่ละรายจะสามารถกู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท และสหกรณ์จะช่วยวางแผนการผลิตให้สมาชิก ว่าสวนไหนจะปลูกเมล่อนในช่วงไหน และทยอยปลูกไล่กันไป เพื่อป้องกันผลผลิตล้นตลาด ส่วนหนึ่งสมาชิกสามารถส่งขายกับลูกค้าได้เอง และแบ่งผลผลิตส่วนหนึ่งส่งให้กับสหกรณ์ตามที่ได้ตกลงกันไว้
ขณะนี้สหกรณ์มีคู่ค้า โดยทำข้อตกลงส่งเมลล่อนไปขายในห้าง Tops Supermarket 5 สาขา ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี สัปดาห์ละ 500 ลูก ส่งครัวการบินไทยสัปดาห์ละ 600 ลูก และบริษัทพัทยาปาร์ค บีช ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงแรมในจังหวัดชลบุรี สั่งซื้อสัปดาห์ละ 200-300 ลูก ส่วนผักสวนครัวทั้งคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ใบมะกรูด ผักชี พริกและแตงกวาญี่ปุ่น สมาชิกจะปลูกและนำมาส่งให้สหกรณ์รวบรวมเพื่อนำไปขายให้โรงพยาบาลในจังหวัดฉะเชิงเทรา และยังมีตลาดอื่น ๆ ที่มีการสั่งจองเมล่อนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คุณแก้วทิ้งท้ายว่า เดิมทำการเกษตรไม่เป็น คิดว่ายาก แต่พอลงมือทำ จึงรู้ว่าทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ ขอแค่มีความตั้งใจ ซึ่งความผิดพลาดแต่ละครั้งคือการเรียนรู้ จากความมุ่งมั่นและลงมือทำอย่างจริงจัง ทำให้คุณแก้วประสบผลสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะรู้จักการวางแผนและศึกษาหาข้อมูล หาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยพัฒนาอาชีพ แม้หลายคนจะบอกว่ากลับมาทำเกษตรแต่มีปัญหาเรื่องเงินทุน แต่การทำเล็ก ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป เท่าที่กำลังพอจะทำไหว ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน และความตั้งใจสุดท้ายของคุณแก้ว คือการสร้างพื้นที่ 4 ไร่นี้ เป็นภูมิคุ้มกันให้กับครอบครัว มีรายได้ไว้เลี้ยงดูลูก และเปิดต้อนรับคนที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานได้ทุกวัน และนี่จึงเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่เป็นต้นแบบให้ใครอีกหลาย ๆ คน มองเห็นโอกาสในการกลับคืนสู่ถิ่นฐานเพื่อสานต่ออาชีพการเกษตรจากรุ่นพ่อแม่ เพื่อในวันข้างหน้าสามารถบอกใคร ๆ ได้อย่างเต็มปากว่ามีความสุขและความภาคภูมิใจที่ได้เป็น "เกษตรกร"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit