ในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือรังสี UV ซึ่งมี 2 ชนิดด้วยกัน คือ UVA และ UVB ซึ่งรังสีเหล่านี้อยู่ในช่วงคลื่นที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและทั้งคู่กินผิวของเราเป็นอาหาร
แสงแดดเวลาไหนอันตรายที่สุด ช่วงเวลา 10 โมงเช้า – 4 โมงเย็น หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ ซึ่งเป็นช่วงที่ปริมาณรังสี UV มีความเข้มข้นมากที่สุด แต่ถ้าหากต้องออกแดดจริงๆ แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่นหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด หรือ ร่ม
เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิว
ผิวแพ้ง่าย แดงง่าย ผิวบอบบาง ผิวที่มีปัญหาสิว ให้เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide พยายามเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของกรด Paba และ Oxybenzone เพราะว่าสองตัวนี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย วิธีเลือก คือ ถ้าฉลากมีเขียนว่า Preservative free หรือ Fragrance free พวกนี้สามารถใช้ได้เลย ถ้ามีปัญหาเรื่องสิว ควรใช้แบบที่เป็นเนื้อโลชั่น เพราะประเภทครีมเนื้อจะข้นมากไป ทำให้เกิดการอุดตันได้ ถ้าเป็นประเภทเจล มักจะมีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์สูง ซึ่งก็อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้มากเช่นกัน
ผิวแห้ง ครีมกันแดดที่แนะนำจะต้องมี Moisturizer เราอาจจะสังเกตส่วนประกอบข้างหลังขวด อย่างเช่น ลาโนลิน เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดหนึ่ง แบบนี้ใช้ได้ดีเลย โดยรูปผลิตภัณฑ์ที่แนะนำจะอยู่ในรูปของครีม โลชั่น หรือขี้ผึ้ง ก็ใช้ได้เช่นกัน
ผิวที่มีปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่นฝ้า หรือในคนที่ผิวขาวมากๆ ผิวประเภทนี้ต้องการการปกป้องมากเป็นพิเศษ แนะนำครีมกันแดดที่มี SPF30+ ขึ้นไปและต้องทาให้เป็นประจำเพื่อการป้องกันที่ดีแนะนำพิเศษสำหรับคนที่เป็นฝ้า ให้ใช้ครีมที่มีสารประกอบของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide อย่างในเครื่องสำอางเวลาให้ลองดูว่าตัวไหนมีส่วนประกอบของ Iron Oxide ซึ่งจะสามารถป้องกันแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่า อย่างแสงไฟในที่ทำงานทั่วไป หรือแสงอาทิตย์ที่เรามองเห็นได้ ซึ่งมีรายงานว่าแสงเหล่านี้ สามารถกระตุ้นให้ฝ้าเข้มได้ผิวสีน้ำผึ้ง ผิวสีประเภทนี้ จะมีปัญหาเมื่อเราใช้ครีมกันแดดที่มีสารประกอบของ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ปัญหาที่เกิดคือหน้าขาวมากผิดปกติ หรือที่เรียกว่าหน้าลอย วิธีแก้ คือ พยายามเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของ Micronized แล้วตามด้วยชื่อของสารประกอบนั้นๆ ซึ่งแปลว่าอนุภาคของสิ่งที่เอามาทำจะเล็กลง สิ่งที่ตามมา คือ หลังจากนั้น ครีมกันแดดจะเกลี่ยได้ง่าย ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย ไม่ขาวจนเกินไป
วิธีเลือกครีมกันแดด
1.เลือกครีมกันแดดที่เขียนไว้ว่าบนฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ว่า "Broad Spectrum" เพราะสามารถป้องกันแดดได้ทั้งรังสี UVA และ UVB หรือดูจากตัวอักษรที่เขียนว่า SPF ซึ่งเป็นการบ่องบอกว่า สามารถป้องกันรังสี UVB และ PA แล้วมีเครื่องหมาย + ตามมา สามตัวเป็นอย่างน้อย หรือ PPD มากกว่า 8 หรือ PA ที่อยู่ในสัญลักษณ์วงกลม ซึ่งหมายความว่าครีมกันแดดขวดนี้สามารถป้องกันรังสี UVA ได้
2. เลือก SPF ให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่จะทำ โดย SPF15 สามารถกรองรังสี UVB ได้ประมาณ 93% ถ้า SPF30 กรองได้ประมาณ 97% SPF50 กรองได้ประมาณ 98% SPF30 กับ SPF50 อัตราการกรองจะต่างกันแค่ 1% เพราะฉะนั้น SPF มากที่สุด ที่แนะนำให้ใช้ คือ SPF50 เท่านั้น ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ใช้แค่ SPF15 ขึ้นไป แต่ถ้าต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกก็ต้อง SPF30+ ขึ้นไป
3.ครีมกันแดดแบบ Water Resistant หมายถึง เป็นครีมกันแดดที่กันน้ำ เหมาะสำหรับการออกไปว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อออกเยอะ สามารถป้องกันรังสี UV ต่างๆ ได้ประมาณ 40-80 นาทีหลังทา ดังนั้นควรทาซ้ำหลังจากที่ทำกิจกรรมดังกล่าวไปแล้ว
ครีมกันแดดมีอยู่ 2 ประเภท คือ Chemical Sunscreen และ Physical Sunscreen
1. Chemical Sunscreen จะใช้หลักการด้วยการดูดซับรังสี UV แล้วเปลี่ยนเป็นคลื่นที่มีความยาวช่วงอื่นกับความร้อน ก่อนที่จะคลายตัวออกจากครีมกันแดด แต่บางชนิดกันได้แค่ UVA บางชนิดกันได้แค่ UVB หรือบางชนิดกันได้ทั้ง 2 แบบ
**ข้อดี เนื้อโลชั่นมีความเกลี่ยง่าย ทำให้การแต่งหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
** ข้อเสีย ของครีมกันแดดประเภทนี้ คือ จะไม่คงทนต่อเหงื่อและน้ำ และยังก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ง่าย
2. Physical Sunscreen ใช้หลักการสะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนังของเรา โดยครีมกันแดดลักษณะนี้ สามารถกันไดทั้งช่วงคลื่นรังสี UVA และ รังสี UVB
**ข้อดี คือ จะดูดซึมเข้าสูผิวหนังน้อยมาก เพราะนั้นเลยไม่ค่อยก่อให้เกิดอาการแพ้
**ข้อเสีย คือ คุณสมบัติทึบแสงของอนุภาคเหล่านี้ หลังการทาจะทำให้ผิวหน้าขาวขึ้นมากกว่าปกติ
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีของบีเอสแอล : http://bit.ly/2Sj2axo
ทาครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
เลือก SPF ที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่จะทำ ทาให้เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในร่มอยู่ที่ออฟิศ อยู่ที่บ้าน วันที่ฟ้าครึ้มไม่มีแดด ก็ต้องทาเพราะว่ารังสี UV สามารถผ่านทะลุกระจกรวมถึงก้อนเมฆได้ เพราะฉะนั้นทำให้ผิวของเราเจอกับรังสี UV อยู่ตลอดเวลา
บริเวณลำตัวแนะนำให้ทาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ สำหรับใบหน้าและลำคอ ขึ้นอยู่กับเนื้อของผลิตภัณฑ์ ถ้าเป็นครีม แนะนำให้บีบครีเท่ากับสองข้อนิ้วมือ แล้วแบ่งทาทีละครึ่ง ถ้าเป็นโลชั่นให้บีบไว้บนฝ่ามือ ใหญ่เท่าประมาณเหรียญ 10 บาท ทาแบบทีละครึ่งเหรียญทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาทีก่อนออกแดด และในวันที่มีกิจกรรมกลางแจ้งให้ทาซ้ำเพราะครีมกันแดดจะมีประสิทธิภาพกันรังสี UV ได้แค่ 2 ชั่วโมงหลังจากนี้ไป ประสิทธิภาพก็จะหมดลง
เรื่องของแสงแดดไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ส่วนหนึ่งให้ผลในทันที ส่วนหนึ่งจะเห็นผลหลังจากที่เรากลับมาจากไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งมาแล้ว เพราะฉะนั้น ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขอย้ำว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร อย่าลืมทา "ครีมกันแดด" ทุกครั้งจะได้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยผิวใสไม่หมองคล้ำกลับมาคุณหมอมาบอก ควรทาครีมกันแดดอย่างไร : https://www.youtube.com/watch?v=RmUjVgTkpOw
หน้าใสผิวไม่หมองคล้ำ แอดมินผู้เชี่ยวชาญยินดีให้คำปรึกษาอยู่ที่
ไอดีไลน์ : @bslclinic **มี @ ข้างหน้าด้วยนะคะ**
ทักไลน์แชท : https://line.me/ti/p/@bslclinic
ทักเฟสบุคแชท : m.me/bslclinic
BSL เปิดให้บริการ 3 สาขา
สีลม โทร. 02-235-8858, 09-8289-7805
การเดินทางสาขาสีลม BTS ศาลาแดง ทางออก 4, MRT สีลม ทางออก 2 ศาลาแดงซอย 2
สุขุมวิท โทร.02-052-4605, 06-3923-6862
การเดินทางสาขาสุขุมวิท BTS อโศก ทางออก 5, MRT สุขุมวิท ทางออก 3 อาคารไทม์สแควร์ ชั้น G
สามย่าน โทร.02-235-2323
การเดินทางสาขาสามย่าน MRTสามย่าน ทางออก 1 ตรงข้ามวัดหัวลำโพง
ช่องทางการติดต่อ
Website : www.ศูนย์เลเซอร์ผิวหนัง.com
FB : www.facebook.com/bslclinic/
Line : @bslclinic
IG : bsl_clinic
Twitter : BSLBANGKOK
Blockdit: BSL Clinic
YoutubeChannel : BSL CLINIC
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit