นายบรรจง จำนงศิตธรรม รอง
อธิบดีกรมประมง ในฐานะโฆษกกรมประมง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักใน
ประเทศจีนและลามไปทั่วโลก จนส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจการค้าโลก รวมถึงธุรกิจภาคการประมงที่หลังเกิดสถานการณ์การระบาด ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาส่งผลให้การส่งออกสินค้าสัตว์น้ำของไทยไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของสินค้าประมงไทย เกิดการชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ประเทศจีน เนื่องจากสินค้าประมงที่ส่งออกไปยังจีนนั้นมีทั้งสินค้าแบบมีชีวิตและสดแช่แข็ง ซึ่งเมื่อประเทศจีนได้ประกาศปิดเมือง อีกทั้ง เรายังมีมาตรการระงับหรือลดเที่ยวบินที่เดินทางเข้าออกประเทศจีน เพื่อยับยั้งการระบาดของโรค ดังนั้น การส่งออกสินค้าประมงไปจีนจึงเสียหายอย่างหนักทันที เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้า
กุ้งมีชีวิตและสดแช่เย็น ซึ่งต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง และต้องใช้บริการการขนส่งทางอากาศเท่านั้น โดยจากการประเมินเบื้องต้น ผลกระทบต่อการส่งออกไปจีนในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2563 การส่งออกกุ้งมีชีวิตและสดแช่เย็น จะลดลง จำนวน 1,500 – 2,900 ตัน มูลค่ากว่า 340 - 650 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้กรมประมงจึงได้มีการประชุมหารือ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งจากสถานการณ์โรคCOVID-19 โดยเบื้องต้นมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์และเพิ่มช่องในการส่งออก ซึ่งจากเดิมจะต้องส่งสินค้ากุ้งมีชีวิตไปทางเครื่องบิน อาจเปลี่ยนเป็นส่งออกโดยรถและเปลี่ยนเป็นกุ้งแช่แข็งหรือ กุ้งต้ม นอกจากนี้ ยังมีแนวทางในการแสวงหาตลาดใหม่ทดแทนโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นและในอนาคตน่าจะสามารถขยายตลาดการส่งออกสินค้าประมงได้ในอีกหลายประเทศซึ่งกรมประมงคาดหวังว่าแนวทางดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ตรงจุด และสามารถช่วยระบายผลผลิตของเกษตรกร บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้ระดับหนึ่ง...รองอธิบดีกล่าว