เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์เมืองไทยที่อีเว้นท์ระดับประเทศอย่างงานสัปดาห์หนังสือ ย้ายรูปแบบไปเป็นออนไลน์เต็มรูปแบบครั้งแรก ซึ่งกิจกรรมที่มักจะอยู่คู่กับงานเสมอมาคงหนีไม่พ้นนิทรรศการความรู้ต่างๆ แม้ในปีนี้จะปรับรูปแบบแต่นักอ่านก็ยังสามารถเข้ามาชมนิทรรศการความรู้กันได้เหมือนเดิมใน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48” หนังสือดิ้นได้ไปออนไลน์ www.ThaiBookFair.com ตั้งแต่วันนี้ – 5 เมษายน 2563 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยนอกจากจะมี นิทรรศการหนังสือดีเด่นแห่งชาติ ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) Book Collection จากหน่วยงานต่างๆ ที่มาแนะนำหนังสือน่าสนใจ อาทิ สวนโมกข์กรุงเทพ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ยังมีอีกสองนิทรรศการหลักที่น่าสนใจ ได้แก่
นิทรรศการวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2563 บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของวรรณกรรมพานแว่นฟ้าตั้งแต่ปี 2545 ถึงปัจจุบันข้อมูลการประกวดในปีนี้ ความคิดเห็นและทัศนะเกี่ยวกับรางวัลพานแว่นฟ้า และการเขียนวรรณกรรม ของผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ อาทิ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, อดุล จันทรศักดิ์, ชมัยภร บางคมบาง, รื่นฤทัย สัจจพันธุ์, กนกวลี กันไทยราษฎร์ และอีกมากมาย
นิทรรศการหนังสือดีเด่นแห่งชาติ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นำเสนอหนังสือที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนังสือดีเด่น ประจำปี 2563 ซึ่งโครงการประกวดหนังสือดีเด่น เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อร่วมฉลองปีหนังสือสากลตามข้อเสนอแนะของยูเนสโก และส่งเสริมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหนังสือทั้ง 5 ฝ่าย ได้แก่ ผู้แต่ง สำนักพิมพ์ ผู้พิมพ์ ผู้จำหน่าย และบรรณารักษ์ผู้เผยแพร่หนังสือออกสู่ผู้อ่าน ให้ผลิตงานที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคมเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้นักอ่านได้เลือกหาหนังสือที่มีคุณค่าและช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยแบ่งหนังสือออกเป็น 9 กลุ่ม อาทิ กลุ่มหนังสือสารคดี, กลุ่มหนังสือนวนิยาย, กลุ่มหนังสือกวีนิพนธ์, กลุ่มหนังสือรวมเรื่องสั้น, กลุ่มหนังสือสำหรับเด็กเริ่มหัดอ่าน อายุ 3-5 ปี, กลุ่มหนังสือสำหรับเด็กเล็ก อายุ 6-11 ปี, กลุ่มหนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี, กลุ่มหนังสือการ์ตูน หรือ นิยายภาพ และกลุ่มหนังสือสวยงาม
นิทรรศการสร้างแรงบันดาลใจ…หนังสือดีมีชีวิต เพราะหนังสือคือส่วนหนึ่งของช่วงเวลาที่ดีในชีวิตมนุษย์ เป็นมากกว่าตัวอักษร หรือข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษ เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ใครหลายคนอยากเปลี่ยนชีวิต โดยนิทรรศการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนแรก Emotion Collection เพราะหนังสือคือ “ความสุข” ที่อาจเกิดจากการได้อ่านเรื่องราวดีๆ ได้รับมุมมองที่เป็นบวก ได้เห็นคนอื่นมีความสุข ก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสุข ซึ่งอาจมาจากหนังสือธรรมะ บทความเกี่ยวกับความสุข หรือนิยายที่อ่านแล้วยิ้มมีความสุข “ความเศร้า” บางครั้งมนุษย์ก็อยากได้หนังสือสักเล่มที่ทำให้น้ำตาไหลออกมา แต่ไม่ได้ร้องไห้เพราะความอ่อนแอ หรือเจ็บปวดกับชีวิต แต่เข้าใจความรู้สึกของเรื่องราวที่อยู่ในหนังสือเล่มนั้นต่างหาก
“ความรัก” เพราะความรักทำให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก หนังสือบางเล่มก็สามารถทำให้หัวใจที่เคยนิ่งเฉยสั่นไหวเหมือนได้กลับฟื้นคืนสู่ชีวิตที่มีชีวาอีกครั้ง “ความตื่นเต้น” จากหนังสือท่องเที่ยว นิยายผจญภัย หรือ หนังสือประวัติศาสตร์สักเล่ม ที่ทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยไปในสถานที่ใหม่ ได้พบปะผู้คน เรียนรู้ภาษาใหม่ โดยไม่มีกำแพงของระยะทาง กาลเวลา หรือแม้แต่ตรรกะเหตุผลใดมาขวางกั้นเราสู่มุมมองใหม่ที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
“ความกลัว” เป็นความกลัวแอบซ่อนความรื่นรมย์บางอย่างเอาไว้จนทำให้ใครบางคนหลงใหล แม้จะกลัวจนขนหัวลุก แต่ความอยากรู้อยากเข้าใจในปริศนากลับดึงดูดให้ต้องพลิกหน้ากระดาษถัดไปไม่รู้จบ ซึ่งรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่น่ากลัวทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง และเราจะผ่านพ้นมันไปได้เมื่อปิดหน้าหนังสือลง “ความโกรธ” สื่อโซเชียลมีเดียที่มีความเป็น Hate Speech Fake News หรือการ Bully มักจะเป็นสาเหตุของความรู้สึกโกรธจนอาจทำให้สติของเราดับชั่วคราว สมองคิดอะไรดีๆ ไม่ออก ถ้าอ่านอะไรแล้วรู้สึกโกรธขึ้นมาให้รู้ไว้ว่าสิ่งที่ได้อ่านอาจกำลังหวังผลอะไรบางอย่างจากความรู้สึกขาดสตินี้ของเรา จึงควรหลีกเลี่ยง หรืออ่านอย่างมีสติ มีวิจารณญาณที่มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ไม่ถูกใครใช้เป็นเครื่องมือ ทำสังคมให้ปั่นป่วนร้อนแรงไปด้วยความโกรธอย่างทุกวันนี้
“ความเข้าใจ” ความเข้าใจเปรียบเหมือนแสงไฟที่ทำให้เราสามารถมองเห็นทุกสิ่งตรงหน้า รู้ได้ทันทีว่าทางเข้าออกอยู่ตรงไหน สิ่งที่ขวางทางเราอยู่ก็ไม่สามารถจะขวางกั้นได้อีกต่อไป เพราะเราเข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว ในยุคที่ข้อมูลข่าวสาร ความรู้แทบทุกชนิดมีให้เราได้อ่านได้ค้นหา ความรู้ดีๆ จะทำให้เราไม่มีปัญหากับสิ่งที่เคยเป็นปัญหาอีกเลย และสุดท้าย ความรู้สึก
“ความมั่นใจ” หนังสือดีๆ สักเล่มจะเป็นแรงบันดาลใจทำให้อยากทำอะไรสักอย่างที่อาจไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่แต่รู้สึกดีที่ได้ทำ การได้เห็นพัฒนาการของตัวเองจะช่วยเติมเต็มจิตใจให้มีความเชื่อมั่นขึ้น กล้าให้อภัยตัวเองในอดีต ไม่หวาดกลัวต่ออนาคต เคารพสิ่งที่เรามีและเป็นในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใคร เพราะทุกคนต่างมีศักยภาพในแบบของตัวเองที่จะพัฒนาให้งอกงามได้ในวิถีทางที่ต่างกัน
ความรู้สึกทั้ง 8 อารมณ์ถูกถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือ พร้อมดื่มด่ำไปกับตัวอย่างหนังสือซึ่งสะท้อนถึงอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้น ทั้งยังสามารถลิงค์ไปยังร้านจำหน่ายหนังสือได้ทันทีเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักอ่านในปัจจุบันที่เน้นความสะดวกและรวดเร็ว
ส่วนที่สอง Book Idol หรือ ไอดอลนักอ่าน นำเสนอหนังสือเล่มโปรดของเหล่าไอดอลจากทุกสายอาชีพ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการอ่าน และแชร์มุมมองว่าสำหรับพวกเขาแล้วว่าหนังสืออะไร ? อาทิ วุฒิธร มิลินทจินดา (พิธีกร) หนังสือคือการเติบโต, พริษฐ์ วัชรสินธุ (นักการเมือง) หนังสือคือความยุติธรรม, กิตติธัช นุวัตดี (นักกีฬาทีมชาติไทย) หนังสือคือความรัก และอีกมากมาย พร้อมทั้งให้นักอ่านได้ร่วมสนุกแบบเรียลไทม์ด้วยการทวีตแชร์เรื่องราวการอ่านพร้อม นิยามผ่านแฮชแท็ค หนังสือคือ… เพื่อส่งข้อความเหล่านี้ไปสู่ Exhibition Wall ในเวบไซต์
เข้าชมนิทรรศการทั้งหมดได้ทาง https://www.ThaiBookFair.com/activity และอย่าพลาดกับ “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48” หนังสือดิ้นได้ไปออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้ – 5 เมษายน 2563 ทาง www.ThaiBookFair.com ตลอด 24 ชั่วโมง ติดตามรายละเอียดได้ทาง Facebook Fanpage: BooK Thai และ Line @Book Thai : http://bit.ly/ThaiBookFair_LINE
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit