บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 3 กองอสังหาฯ กว่า 100 ล้านบาท เผยมั่นใจผลประกอบการในระยะยาว

19 Mar 2020

นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ในอัตรา 0.1850 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ในอัตรา 0.1065 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ในอัตรา 0.1750 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 20 มีนาคม 2563 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 115.03 ล้านบาท

บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 3 กองอสังหาฯ กว่า 100 ล้านบาท เผยมั่นใจผลประกอบการในระยะยาว

นายวิทวัสกล่าวต่อไปว่า กองทุน GOLDPF มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ขนาด 162 ห้องของโครงการเดอะ เมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซคคิวทีฟ อพาร์ทเมนต์ ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 90% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ต้องการเข้าพักเพื่อรักษาตัวในระยะยาวก่อนกลับประเทศ กลุ่มลูกค้าสถานทูต รวมถึงกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่มีการส่งพนักงานมาอบรมในประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานได้ถึง 40.71 ล้านบาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2550 มีการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 23 ครั้ง เป็นเงิน 5.7835 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 4.74% ต่อปี สำหรับมุมมองต่อการทำกำไรของโครงการ หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศลดลง มีผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของโครงการ อย่างไรก็ดี โครงการยังคงมีผู้เข้าพักที่ทำสัญญาระยะยาวซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวได้

“สำหรับกองทุน KPNPF มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น  ทาวเวอร์ ที่ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะผ่านหน้าโครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 ทำให้มีแนวโน้มความต้องการเช่าพื้นที่และโอกาสปรับอัตราเค่าเช่าในอนาคต สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ส่งผลต่อรายได้ของกองทุนมากนัก แต่หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจหดตัว ซึ่งมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของผู้เช่าอาคารสำนักงานได้ ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 มีการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 27 ครั้ง เป็นเงิน 3.3580 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 5.02% ต่อปี” นายวิทวัสกล่าว

นายวิทวัสกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านกองทุน MJLF มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารโครงการ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน และโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ซึ่งทั้ง 3 โครงการมีลักษณะเป็นอาคารไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ที่มีการจำหน่ายสินค้าและเป็นศูนย์รวมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ อาทิ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง ฟิตเนส ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมาโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ได้มีการปรับปรุงภาพลักษณ์โครงการให้มีความทันสมัย อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการเปิดใช้งานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ทำให้การเดินทางมายังโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และโครงการศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ ซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน สะดวกมากยิ่งขึ้น จึงคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวมีแนวโน้มการปรับตัวของอัตราการเช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าพื้นที่โดยเฉลี่ยเชิงบวก อย่างไรก็ตาม โครงการทั้ง 3 แห่ง อาจได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากการปิดให้บริการในส่วนของโรงภาพยนตร์เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 18-31 มีนาคม 2563 เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยจะเปิดให้บริการตามปกติในวันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในส่วนของผลการดำเนินงานปี 2562 ที่ผ่านมา กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานได้ถึง 268.51 ล้านบาท โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2550 มีการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 50 ครั้ง เป็นเงิน 11.6680 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 9.31% ต่อปี

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 กองทุน สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888