LPP เห็นความสำคัญและปัญหาของการสำรองโลหิตของประเทศ ที่มีจำนวนลดลงต่อเนื่อง เหตุจากความกังวลเรื่องการเดินทางไปบริจาคที่สภากาชาดไทยหรือโรงพยาบาลโดยตรง และอยู่ในช่วง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” จึงเปิดพื้นที่คอนโดมิเนียม 16 แห่ง พร้อมรณรงค์ขอรับบริจาคโลหิตจากสมาชิกในโครงการและชุมชนรอบข้าง
นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้ ได้เกิดสภาวะการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ไปทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ทำให้จำเป็นต้องจำกัดการเดินทาง และลดการจัดกิจกรรมนอกบ้านของประชาชนส่งผลให้การบริจาคโลหิตลดลงอย่างมาก ปริมาณโลหิตสำรองที่จำเป็นต่อการรักษาพยาบาลจึงลดลงอย่างรวดเร็ว จนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตสำรองไม่เพียงพอทั่วประเทศ บริษัทจึงร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดรถเคลื่อนที่เพื่อรับบริจาคโลหิตในคอนโด “ลุมพินี” และโครงการที่ LPP เป็นผู้บริหารจัดการ ล่าสุด คณะกรรมการ 16 โครงการ ตอบรับแนวทาง “ร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน” พร้อมร่วมรณรงค์ให้ผู้พักอาศัยและเพื่อนบ้านข้างเคียงโครงการที่เข้าเกณฑ์สามารถบริจาคโลหิตได้
โดยสภากาชาดไทยต้องเข้าสำรวจสถานที่ และพิจารณาความพร้อมของโครงการในหลายด้านหลังจาก โครงการแสดงความจำนงเข้าร่วมในกิจกรรม ซึ่งโครงการที่กำหนดวันรับบริจาคแล้ว ได้แก่
ส่วนโครงการอื่นๆที่อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ของสภากาชาดไทย คือ
สำหรับผู้ที่จะสามารถบริจาคโลหิตได้ ต้องผ่านการคัดกรองตามเกณฑ์มาตรฐานของสภากาชาดไทย เช่น ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาจำพวกแอสไพริน ยาแก้อักเสบ เป็นต้น ทั้งยังต้องผ่านเกณฑ์การคัดกรองว่าไม่มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตรฐานของศูนย์บริการโลหิต ได้แก่
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างระยะห่าง (Social Distancing) ระหว่างจัดกิจกรรมอย่างเข้มงวด รวมถึงยังต้องมีการคัดกรองเฉพาะที่สามารถรับบริจาคโลหิตและนำไปใช้ได้ โดย 6 โครงการที่จัดกิจกรรมไปแล้ว มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์คัดกรองสามารถบริจาคได้รวม 263 คน จาก 349 คน ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยได้ถึง 1,052 คน โดยโครงการลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3 มีผู้บริจาคสูงที่สุดถึง 92 คน รองลงมา คือ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 จำนวน 68 คน
ที่ผ่านมา LPP ได้ร่วมสนับสนุนในทุกกิจกรรมของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2539 และเข้าร่วมในกิจกรรมรณรงค์อื่นๆ เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของปริมาณโลหิตสำรองของประเทศ ที่ต้องเพียงพอต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยในทุกกรณี ทั้งจากโรคภัย การเปลี่ยนถ่ายเลือด หรืออุบัติเหตุต่างๆ
“เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยาวนานและส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน และการระบาดเริ่มเข้าใกล้ตัวเราทุกขณะ ความร่วมมือ ร่วมใจ ให้ประเทศไทยของเราสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน สำหรับผู้ที่มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ จึงอยากขอเชิญชวนร่วมบริจาคโลหิตให้สภากาชาดไทย เพื่อให้ปริมาณโลหิตสำรองของประเทศเพียงพอต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วย ซึ่งมีความต้องการโลหิตมากขึ้นเรื่อยๆและอย่างต่อเนื่อง” นางสาวสมศรีกล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit