มร. โจ ฮีลลี่ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม อิเมอร์สัน เอเชีย กล่าวว่า "ปัจจุบัน การบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญ เพราะผลกระทบที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ในปี 2561 โครงการ RAC-NAMA ขององค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ได้เปิดเผยว่าประเทศไทยมีการใช้พลังงานไฟฟ้าจากอุปกรณ์ทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ คิดเป็นกว่า 50% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศ ขณะเดียวกันการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยกว่า 20% ยังเกิดจากภาคอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นศูนย์กลาง โดยมีการผลิตและส่งออกเครื่องปรับอากาศเป็นอันดับ 2 ของโลก ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทำความเย็นใหม่ๆ จะต้องช่วยลดภาวะโลกร้อนและใช้พลังงานให้คุ้มค่าที่สุด"
"อัตราการเติบโตของร้านสะดวกซื้อและไฮเปอร์มาร์ททั่วประเทศในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คงไม่แปลกที่มีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมปัจจุบันนี้ อิเมอร์สันได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถจัดการผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากสารทำความเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้เกิดค่า GWP (global warming potential)ที่ต่ำ ในขณะเดียวกันการที่ผลิตภัณฑ์ของอิเมอร์สันมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้สามารถดูแลผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมในทางอ้อม ที่เกิดจากการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาผลาญพลังงานอีกด้วย นวัตกรรมใหม่ที่อิเมอร์สันนำเสนอจึงสามารถตอบโจทน์ได้ดีในเรื่องการจัดการการใช้พลังงาน รวมไปถึงความจำเป็นในการลดภาวะโลกร้อนที่จะมากขึ้นอีกด้วย ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็มีความต้องการลดการใช้พลัง และภาระค่าไฟฟ้า เพื่อประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาความเย็น เพื่อคงความสด สะอาด และปลอดภัยของอาหาร สร้างกำไรจากการลดการสูญเสียจากการเน่าเปื่อยเนื่องจากความเย็นที่ไม่คงที ช่วยควบคุมรายจ่ายในการซ่อมบำรุงและดูแลรักษา เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเช่นกัน" มร. ฮีลลี่ กล่าวเสริม
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit