นายนาวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของทั้ง 7 กองทุนยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีแม้ในยามที่ตลาดโลกมีความผันผวน โดยจะเห็นได้จากหลายกองทุนได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar ได้แก่ กองทุน K-EUROPE ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 5 ดาว รวมถึงกองทุน K-GHEALTH, K-GEMO, K-USA-A(D) และ K-INDIA ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว (ที่มา: Morningstar ณ 31 ม.ค. 63) ทั้งนี้ การจัดอันดับกองทุน (Morningstar Rating) เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลที่ผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งมั่นรักษามาตรฐานการบริหารจัดการกองทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมในทุกมิติ
"สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว บรรยากาศการลงทุนปกคลุมด้วยความกังวลต่อข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลายประเทศได้ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด โดยในระยะสั้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว การผลิต รวมถึงการส่งออก อย่างไรก็ดี ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีพัฒนาการไปในทิศทางบวก และประเด็น Brexit มีความชัดเจนขึ้น หลังอังกฤษถอนตัวออกจากอียูได้สำเร็จ แต่ยังต้องติดตามข้อตกลงด้านต่างๆ ซึ่งอังกฤษยังคงอยู่ภายใต้กฎระเบียบของอียูจนถึงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย คาดว่าโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีแนวโน้มลดลง โดยสะท้อนได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตและภาคบริการปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารกลางของประเทศแกนหลักต่างยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เพื่อช่วยประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจ" นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเศรษฐกิจอินเดียมีทิศทางชะลอตัวจากการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินเดียได้เร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับธนาคารกลางอินเดียได้ดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและเงินเฟ้อ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ในระยะยาวจากโครงสร้างประชากรวัยแรงงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก และประสิทธิภาพทางการผลิตในธุรกิจที่สูงขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีแนวโน้มฟื้นตัวและขยายตัวในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าในปีนี้การเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะอยู่ที่ 4.4% ขณะที่การเติบโตของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะอยู่ที่ 1.6% อีกทั้งระดับราคาหุ้นยังถูกกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
สำหรับมุมมองต่อตลาดกลุ่มสุขภาพ คาดว่าภาพรวมของหุ้นกลุ่ม Healthcare ในระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ในระยะยาวจะยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มการใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพที่มากขึ้น
ผู้ลงทุนใหม่ที่สนใจในกองทุนหุ้นต่างประเทศทั้ง 7 กองทุน บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้รอประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน ส่วนผู้ลงทุนเดิมที่ถือครองหน่วยลงทุนไว้แล้ว แนะนำให้ถือต่อเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถดาวน์โหลด App K-My Funds เพื่อดูผลการดำเนินงานย้อนหลังได้สะดวกยิ่งขึ้น และเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit