นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัท สำหรับไตรมาส 4 ปี 2562 อยู่ที่ 4,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีของต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม
ในปี 2562 ที่ผ่านมานั้น ธุรกิจมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงินที่มีความผันผวน โรคระบาด ASF ในสุกรที่ทำให้ปริมาณสุกรในโลกลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิของปี 2562 อยู่ที่ 18,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากการปรับตัวดีขึ้นของกิจการในหลายประเทศ โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของเวียดนามในไตรมาส 4/62 ที่ผ่านมา
สำหรับปี 2563 บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากภาวะปริมาณสุกรขาดตลาดโดยเฉพาะในประเทศจีนและเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสุกรในหลายพื้นที่อยู่ในระดับสูงกว่าปี 2562 สำหรับการเติบโตในอนาคต บริษัทมีกลยุทธ์มุ่งเน้นการเติบโตและขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากการขายในต่างประเทศและส่งออกเป็น 80% ของรายได้จากการขายรวมในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมี 3 แนวทางกลยุทธ์ในการดำเนินงานได้แก่ การเพิ่มมูลค่าตลอดห่วงโซ่คุณค่าโดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน การปรับเปลี่ยนให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงโดยเทคโนโลยีดิจิตัล และ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่านการสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีมติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าว บริษัทได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2562 คงเหลือเป็นเงินปันผลจ่ายครั้งที่สองในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท โดยเป็นการจ่ายจากกำไรส่วนที่ได้หักผลขาดทุนทางภาษี ซึ่งผู้รับเงินปันผลต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร แต่ผู้รับเงินปันผลที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ในการนี้ คณะกรรมการบริษัทได้เสนอให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลครั้งที่สองเป็นวันที่ 28 เมษายน 2563 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2563
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit