จากข้อมูลปริมาณมหาศาลบนโลกดิจิทัล หรือราว 20 ล้านข้อความต่อวัน ซึ่งสัมพันธ์กับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่ไม่ว่าจะทำอะไร เดินทางไปที่ไหน พบปะกับใคร อัพเดทข่าวสารใหม่ๆ ซื้อสินค้า ชำระค่าใช้จ่าย ประกอบอาชีพ ฯลฯ มักต้องใช้ 'โซเชียลมีเดีย' (Social Media) หรือช่องทางออนไลน์เป็นองค์ประกอบหลัก ดังนั้นเมื่อแบรนด์รุกทำดิจิทัลมาร์เกตติ้ง ประชาสัมพันธ์ข่าวสารลงบนพื้นที่ออนไลน์สู่ผู้บริโภค การรวบรวมข้อมูลที่มีปริมาณมากขึ้นต่อเนื่อง การวัดผล การสรุปผล โดยใช้เวลาระยะสั้นๆ จึงเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะประสิทธิภาพคน 1 คน โดยเฉลี่ยสามารถอ่านข้อความได้เพียง 500 ข้อความต่อวัน ยกตัวอย่าง หากต้องการดูฟีดแบคของแคมเปญหนึ่งซึ่งมี 1 แสนข้อความ คน 1 คน ต้องใช้เวลาประมาณ 100 วัน หรือมากกว่านั้น แต่ถ้าต้องการให้งานสำเร็จในเวลา 10 วัน ต้องใช้คนประมาณ 20 คน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะแพงมาก ดังนั้น การนำระบบ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคน ในการวิเคราะห์ข้อมูลให้สำเร็จในระยะสั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ WISESIGHT ให้ความสำคัญ และเดินหน้าพัฒนาระบบ AI ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งนำ Data Science หรือวิทยาศาสตร์ข้อมูล เข้ามาช่วย
กล้า กล่าวว่า "ระบบ AI ของเรา คือสิ่งที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียที่มีปริมาณมหาศาลในระดับที่คนไม่สามารถทำได้ โดยจะช่วยวิเคราะห์ในเรื่อง 1) ผู้บริโภคกล่าวถึงแบรนด์เราหรือไม่ 2) จำแนกข้อความได้ว่า แสดงความคิดเห็นเชิงบวกหรือเชิงลบ 3) ทราบพฤติกรรมผู้บริโภคว่าอยู่กลุ่มใด เช่น กลุ่ม Consideration ผู้บริโภคเกิดการพิจารณาแบรนด์หรือสินค้า กลุ่ม Advocate ผู้บริโภคสนับสนุนแบรนด์หรือสินค้า หรือ กลุ่ม Awareness ผู้บริโภคเพียงรับรู้และเข้าถึงแบรนด์หรือสินค้า เป็นต้น นอกจากนี้ AI ของ WISESIGHT ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลภาพ พร้อมจัดกลุ่มประเภทรูปภาพ เพื่อให้แบรนด์สามารถวิเคราะห์หา insight หรือข้อมูลเชิงลึกที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพ และนำไปวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อีกด้วย ซึ่งใน 1 ปี มีข้อมูลภาพที่คนแชร์กันบนโซเชียลมีเดียอยู่ราวถึง 250-300 ล้านภาพ
ในขณะที่ Data Science หรือวิทยาศาสตร์ข้อมูล คือวิธีการทำงานกับ Data หรือจัดระเบียบข้อมูลเหล่านั้น ให้ Data Analyst หรือ นักวิเคราะห์ข้อมูล สามารถนำไปทำงานต่อได้ โดยที่ WISESIGHT เน้นพัฒนาทักษะของ Data Analyst ให้รอบด้านมากขึ้น เพื่อสร้างขุมพลังการวิเคราะห์ข้อมูลให้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ซึ่งทีมนักวิเคราะห์ข้อมูลจะทำงานร่วมกับ AI ที่จะแบ่งกลุ่มข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาลพร้อมจัดลำดับความสำคัญของข้อความโดยการทำ Classification หรือ Cluster เช่น ผู้บริโภคกล่าวถึงแบรนด์ในด้านดี หรือด้านไม่ดี แล้วกลุ่มเหล่านี้เชื่อมโยงกับคนประเภทใด ดังนั้นการใช้ AI และ Data Science ควบคู่กันในแบบ WISESIGHT จะยิ่งเสริมกำลังในด้านการจัดการข้อมูลบนโซเชียลได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสภาวะวิกฤตบนโซเชียลมีเดีย หรือ Crisis Management สามารถเข้าไปช่วย Alert ให้ลูกค้ารู้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้แบรนด์หาวิธีแก้ไขปัญหา รวมถึงวางแผนสำรองในสภาวะเกิดวิกฤตบนโซเชียลมีเดีย เพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านั้นขยายไปในวงกว้างได้อย่างทันท่วงที
โดยปีนี้ WISESIGHT ในฐานะผู้จัดงาน Thailand Zocial Award 2020 (ไทยแลนด์ โซเชียล อวอร์ด 2020) ครั้งที่ 8 งานประกาศรางวัลสำหรับคนโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อเชิดชูแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และบุคคลในวงการบันเทิงที่ทำผลงานได้ดีเยี่ยม ภายใต้คอนเซปต์ SHIFT: Make it SHIFT พาทุกคนยกระดับการทำงานกับโซเชียลมีเดีย มีไฮไลท์สำคัญคือ การนำ AI และ Data science มาวัดผลงานจำนวนมหาศาลบนโซเชียลมีเดีย เพื่อคัดผลงานที่ดีเยี่ยมที่สุดในแต่ละสาขาบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งผลผู้ชนะจะเป็นใครบ้าง ติดตามพร้อมกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit