อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ร่วมกับ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จัดงาน Electric Vehicle Asia (EV) และ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition (iEVTech 2020) ครั้งที่5 ขึ้นภายในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2020 (ASE 2020) งานนิทรรศการ การแสดงเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน ด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน นี้ ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ ไบเทค บางนา รับอานิสงส์เทรนด์การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวสูงของทั่วโลก
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดงาน ASE 2020 -ASEAN Sustainable Energy Week 2020 งานนิทรรศการการแสดงเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน ด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ที่รวบรวม 4 งานนิทรรศการเฉพาะทางที่เกี่ยวกับพลังงานไว้ด้วยกัน คืองาน RENEWABLE ENERGY ASIA งาน ENERGY EFFICIENCY EXPO งาน ENTECH POLLUTEC และ งาน ELECTRIC VEHICLE ASIA โดยใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ในการจัดงาน โดยมีผู้ประกอบการจากบริษัทชั้นนำด้านพลังงานจากทั่วโลกตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 500 บริษัท จาก 37 ประเทศ พร้อมพาวิลเลียนนานาชาติ จาก จีน เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และ ไต้หวัน สำหรับงานปีนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญอีก เช่น ENERGY TECH 4.0 และ SMART LIVING SHOWCASE ที่จะเป็นเวทีนำเสนอ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานใหม่ๆ จาก กลุ่มนักศึกษา นักวิจัย จากสถาบันการศึกษาชั้นนำมากมาย ซึ่งผู้ประกอบการชั้นนำจะสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบได้อีกมากมาย
นายยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า ปีนี้สมาคม ร่วมกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เตรียมจัดงาน Electric Vehicle Asia (EV) และ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition (iEVTech 2020) ครั้งที่ 5 ขึ้นภายในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2020 (ASE 2020) งานนิทรรศการ การแสดงเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน ด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคปัจจุบันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์รายใหม่ อีกทั้งโครงสร้างราคาของรถพลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มถูกลง ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ และการออกนโยบายสนับสนุนของภาครัฐทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความก้าวหน้าของรถไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐได้ตั้งเป้าหมายว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งยังได้กำหนดเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบปลั๊กอินไฮบริด และใช้แบตเตอรี่ รวม 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 คาดว่าภายใน 5 ปีจากนี้ไป ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นอีกหลายประเภท และจะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันออกสู่ตลาด ด้วยสมรรถนะที่มีความสมบูรณ์ทั้งนวัตกรรมที่ก้าวหน้า สร้างความมั่นใจกับผู้บริโภค ที่สำคัญที่สุด จะเป็นความหวังใหม่ของโลกที่จะมีนวัตกรรมยายนต์ที่ช่วยลดการสร้างมลพิษอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ในประเด็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่เป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภควิตกกังวลว่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการนั้น ภาครัฐได้ส่งสัญญาณในเรื่องการเตรียมออกนโยบายให้มีสถานีอัดประจุไฟฟ้าในทุกๆ 50-100 กม. ทั่วประเทศ และภาคเอกชนหลายรายก็อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุน เพื่อรองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้จากการสำรวจประเทศที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก พบว่าส่วนใหญ่จะชาร์จไฟฟ้าที่บ้านในสัดส่วนร้อยละ 80% ส่วนอีก 20% เป็นการชาร์จที่สถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ
การจัดงานของสมาคมในปีนี้ มีความน่าสนใจมากมาย ไฮไลท์ในปีนี้ คือ การจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition [iEVTech2020] ครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ Scaling-up Electric Mobility & Beyond, CEO eMobility Forum โดยมีตัวแทนภาครัฐ และ ผู้บริหารระดับสูงจากค่ายรถยนต์ชั้นนำ รวมถึงการเปิดให้ผู้บริโภคได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ต่างๆ แบบไม่แบ่งแยกค่าย และ การจัดนิทรรศการด้านยายนต์ไฟฟ้า ฯลฯ
ขอเชิญร่วมงาน Electric Vehicle Asia และ International Electric Vehicle Technology Conference and Exhibition (iEVTech 2020) จัดขึ้นภายในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2020 (ASE 2020) งานนิทรรศการแสดงเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน ด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน นี้ ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ ไบเทค บางนา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit