ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ ทำใจกันได้หรือยัง?แคนดี้ : ดีขึ้นค่ะ ช่วงแรกๆ พูดถึงคุณพ่อไม่ได้เลย แล้วก็รู้สึกเป็นหนักมาก แต่ตอนนี้กีขึ้นแล้วแม่บานเย็น : ก็น่าจะอิ่มบุญอยู่ เพราะเราทำบุญให้เยอะมาก
ขอย้อนคุณแม่กับคุณพ่อหน่อย แยกทางกันตั้งแต่อายุเท่าไหร่?แม่บานเย็น : โทนี่ 2 ขวบ แคนดี้ 4 ขวบ
พอจะเล่าได้ไหม เหตุผลที่แยกทางกันเพราะอะไร?แม่บานเย็น : นานมากเลย ช่วงนั้นพูดยาก เรื่องมันเยอะ เอาเป็นว่าเราทัศนคติไม่ตรงกัน คนเราอยู่ด้วยกันได้คงจะเป็นตั้งแต่ชาติปางก่อนทำบุญร่วมกันมามาก น้อย แค่ไหน คงจะเป็นลักษณะนั้นมากกว่า
ตอนแยกทางกัน ลูกๆ อยู่กับใคร?แคนดี้ : อยู่กับฝั่งคุณพ่อ คุณอาและคุณย่าเป็นคนเลี้ยงที่มหาสารคาม
ยากไหมสำหรับคุณแม่ที่จะปล่อยลูกไป?แม่บานเย็น : ก็กินข้าวกับน้ำตาทุกวัน แต่เราก็ไปเยี่ยมอยู่นะ ถ้าว่างก็ไปแคนดี้ : จริงๆ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่นานๆ ถึงจะมาหาที เพราะต่างคนต่างทำงานหนักทั้งคู่
ตอนเด็กๆ แคนดี้ผูกพันธ์กับคุณพ่อมาก?แคนดี้ : ใช่ค่ะ ผู้พันกับทางฝั่งคุณพ่อ แต่กับคุณแม่แอบผูกพันธ์กันลึกๆ ในใจ คือเราจะรู้สึกดีใจทุกครั้งที่เขามา เขาเป็นผู้หญิงตัวหอมแล้วสวย เราจะรู้สึกชอบ แล้วแคนดี้อยู่บ้านนั้นถึงอายุ13ปี คุณพ่อก็พาลูกๆ ทั้ง 3 คนไปอยู่เมืองนอก และนี่ถือเป็นโอกาสแรกที่เราได้อยู่กับคุณพ่อ
เห็นว่าพอโตขึ้นมาความสัมพันธ์กับคุณพ่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่?แคนดี้ : คือพอเราโตขึ้นมา คุณเป็นลูกย่อมอยากได้เวลา อยากได้ความรักจากคุณพ่อ แต่สิ่งที่คุณพ่อเขาให้เราเหมือนเขาให้ทุนทรัพย์ ให้เงินมาเลี้ยงดู แต่มันไม่พอสำหรับความเป็นลูก ตอนนั้นเรารู้สึกว่าพ่อไม่ให้เวลาเรา ก็เลยแอบน้อยใจ แค่ตัวแคนดี้เนี่ยกลับมาอยู่กับคุณแม่หลังจากอยู่ออสเตรเลีย 2 ปี เราก็เลยไม่ขาด เพราะเรามีคุณแม่อยู่ แล้วเราก็จะสนิทกับคุณแม่มากกว่าตั้งแต่กลับมา
ตอนช่วงไหนของชีวิตที่เราเริ่มรู้สึกว่าทำไมพ่อต้องไปทาง แม่ต้องไปทาง?แคนดี้ : น่าจะหลังจากที่คุณพ่อ คุณแม่แยกทางไม่ได้คุยกันเลย แล้ววันหนึ่งคุณพ่อเดินทางไปอยู่ออสเตรเลีย เราเห็นว่าคุณพ่อไม่มีที่พักชั่วคราวที่จะรอขึ้นเครื่อง เราก็เลยถามคุณแม่ว่าให้พ่อมาอยู่ที่บ้านได้ไหมแม่บานเย็น : ช่วงนั้นแม่ไม่ได้คิดอะไร เพราะหลังจากที่เราไม่ได้คุยกัน เหมือนต่างคนต่างมีอะไรในใจ โกรธกันพอวันนั้นเราก็คิดทำไมคุณพ่อถึงอยากมาอยู่ด้วย ตอนนั้นแม่ลืมพ่อไปเลย นึกถึงแต่หน้าลูกว่าลูกอยากให้พ่อมาอยู่ใกล้ๆ ความเป็นแม่ก็เอาลูกไว้ก่อน ก็ยอมให้พ่อมาอยูแคนดี้ : นั่นแหละค่ะที่ช่วงนั้นมีข่าวว่า คุณพ่อ คุณแม่กลับมาคืนดีกัน แต่จริงๆ มันไม่ใช่ แค่ได้กลับมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เราเลยได้รู้ว่าจริงๆ คุณพ่อก็รักเรานะ เราก็เลยเริ่มสนิทกัน แต่มันก็จะมีบางเหตุ คือตอนนั้นคุณพ่อเริ่มติดโซเชียล เขาก็จะจะเขียนบทความเยอะแยะมากมาย ซึ่งบางครั้งมันไม่ถูกใจซะทุกคน บางทีไปกระทบใครบางคนเขาก็จะมาใส่ที่เรา เตือนพ่อหน่อย บอกพ่อหน่อยลบอันนี้ได้ไหม ไม่เขียนอันนี้ได้ไหม แคนดี้ก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมเราโดนเยอะจัง เราก็มีเคืองคุณพ่อนิดนึง ก็มีดุท่านไป ช่วงนั้นเหมือนลิ้นกับฟันเลย
นานเท่าไหร่ถึงจะทราบว่าคุณพ่อป่วย?แคนดี้ : คุณพ่ออยู่ที่บ้าน 4-5 ปี คุณพ่อเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดในตระกูลเลย จนกระทั่งวันนึงคุณพ่อไปทำบุญที่เชียงรายกับแคนดี้ เราก็นั่งเครื่องไป คุณพ่อบอกว่าปวดหลัง เราก็ไปหายาแก้อักเสบมาให้คุณพ่อทาน คุณพ่อก็บอกว่าดีขึ้น เสร็จเราก็ไปทำบุญที่น่านต่อ แต่คุณพ่อก็ยังปวดหลัง เราก็หายาที่แรงขึ้นให้พ่อทาน หลังจากนั้นคุณพ่อก็ไปตระเวณทำบุญที่อื่นๆ พอกลับมาถึงบ้านคุณอาที่เป็นน้องสาวคุณพ่อบอกว่า แคนดี้ดูพ่อหน่อย พ่อยังปวดหลังอยู่นะ โทนี่อาสาพาพ่อไปหาหมอ ไปตรวจร่างกาย เราสงสัยว่าพ่อเป็นโรคไต ก็ตรวจว่าเป็นนิ่วในไต ก็สลายนิ่ว หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ แคนดี้กลับแม่ไปแสดงที่เกาหลีคนที่บ้านส่งรูปมาบอกว่าพ่อทานข้าวไม่ลงมา 2 วันแล้ว พอเรากลับมาเราก็ทำส้มตำให้พ่อ อยากให้พ่อเจริญอาหาร แต่ปรากฎว่าพ่อไม่ลงมากินเลย แคนดี้ก็เลยเดินไปที่ห้องพ่อ แอะ...ทำไมพ่อผิวเหลืองๆ เราก็ถ่ายรูปไปให้อา อาก็ตกใจบอกว่ารีบพาไปหาหมอด่วนเลย พอเราพาไปหาหมอแล้วตรวจคัดกรองมะเร็ง ผลออกมาว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ตอนนั้นสมองเบลอไปหมดเป็นไปได้เหรอ พ่อนี่นะในชีวิตไม่เคยเข้าโรงพยาบาล นี่เป็นการเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก แล้วจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ถัดมาคุณหมอบอกว่าตกลงเป็นนะ และเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คือไม่มีเวลาเลย เราก็บอกว่า คุณหมอรักษาคุณพ่อยังไงก็ได้ ตอนนั้นสิ่งที่เรารู้ก็คือว่าเราไม่มีการเตรียมพร้อมเรื่องค่ารักษาใดๆ ไม่มีประกัน ไม่มีอะไร 3 คนพี่น้องมองหน้ากัน เอาไง เอากันจะรักษาพ่อให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเสียอะไรก็ตาม แต่คุณหมอบอกว่ามันรักษาอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งคุณหมอได้บอกคุณพ่อเพื่อทำการรักษาไม่งั้นคุณพ่อก็ไม่ยอมรักษา เขาก็จะมีวิธีการบอกคุณพ่อ แต่ภายในระยะเวลาอาทิตย์เดียวเราได้ทราบว่ามันลามไปหมดแล้ว
ตอนที่รักษาพ่อเห็นว่ามีปาฎิหาริย์ด้วยเหรอ?แคนดี้ : ใช่ๆ มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกที่พ่อตัวเหลืองป่วยมากๆ ต้องขอบคุณเฮียโน้ต อุดม ที่นิมนต์พระมาให้คุณพ่อถึงโรงพยาบาลเลย 5 รูป มาให้ทำสังฆทาน ปรากฎว่าพ่อมีแรงลุกขึ้นมา ตัวหายเหลือง ตอนนั้นคิดว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ครั้งที่2 หลังจากที่คุณพ่อทรุดลง ไม่มีแรง พูดไม่ได้เลย ได้แต่มอง หมอมาแนะนำว่าจะให้คุณพ่อไปอย่างสบายที่สุด หนูก็พยายามพูดข้างหูคุณพ่อว่า คุณพ่อไม่ต้องคิดอะไรนะ ปล่อยวางทุกอย่าง แล้วหนูก็นิมนต์พระรูปเดิมมา ตอนนี้มา 7 พระท่านตั้งใจจะมาส่งพ่อขึ้นสวรรค์นั่นแหละ แต่ว่าพอมาถึงปุ๊บเราทำบุญ ทำอะไรเสร็จ พ่อพยายามยกมือไหว้ เราก็ถามว่าพ่ออยากพูดอะไรหรือเปล่า พ่อก็บอกว่า ขอต่อเวลาอยู่กับลูกได้ไหม เราก็บอกให้พ่อสู้ แล้วพ่อก็กลับมาจริงๆ กลับมาพูดได้ แข็งแรง ลุกขึ้นมาคุยกับพวกเราได้ จากที่พ่อกำลังจะไปแล้ว คือสภาพคุณหมอให้เราเซ็นแล้ว เขาฟื้นจากการได้ทำบุญ
แต่เห็นว่าวินาทีสุดท้ายไม่มีใครอยู่ตรงนั้น?แคนดี้ : มีค่ะ วันนั้นเป็นวันที่ทุกคนมา อานาง น้องสาวพ่อก็มา มีพี่ดาผู้หญิงที่ดูแลพ่อจนถึงวินาทีสุดท้าย หนูมาแต่เช้าแล้วกะว่าจะอยู่กับพ่อแล้วอยู่ดีๆ โทนี่มาถึงแล้วบอกว่ากินข้าวกันเที่ยงพอดี ใจแคนดี้ไม่อยากลง ก็เลยบอกว่าทุกคนลงไปกินข้าวเลย แล้วอยู่ๆ แคนดี้ก็ลุกขึ้นบอกว่าไปด้วยแล้วก็วิ่งตามเขาลงไปทานข้าว แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วพี่ดาก็โทร.มาบอกว่าแคนดี้ขึ้นมาด่วน นาทีนั้นวิ่งแบบไม่เห็นอะไรข้างหน้าเลย พอมาถึงปุ๊บพ่อไปแล้ว สติหลุด ลงไปนอนร้อง พ่อเขาเลือกไปตอนที่เราไม่อยู่ เขาบอกว่าถ้าเขาไปขอให้ทุกคนสงบ
เห็นว่ามีอีกเรื่องนึงที่แคนดี้ติดค้างในใจเกี่ยวกับคุณพ่อ?แคนดี้ : คือเราคิดไปเองว่าคุณพ่อไม่ให้เวลาเรา จนเรารู้สึกว่าทุกครั้งที่พ่อมาบ้านเรา เราจะแอบแหย่ว่า สงสัยพ่อไม่มีที่ไปหรือเปล่า พ่อถึงมาที่นี่ คือเราซื้อบ้านให้พ่อที่คลอง6 พ่อก็ไม่ยอมไปอยู่ แล้วก็สงสัยพ่อไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาอยู่บ้านเราหรือเปล่า จนกระทั่งวันนึงนั่งคุณกับพี่ดา แฟนของคุณพ่อ เขาก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่เริ่มคบกับพ่อพี่ต้องแอบ ถ้าแคนดี้เดินผ่านต้องหลบ ถ้าไปดูคอนเสิร์ตห้ามให้แคนดี้เห็นนะ แล้วพี่ดาก็พูดมาเรื่อยๆ บอกว่าอาทิตย์หนึ่งป๊าจะอยู่กับหนู 2-3 วันนะที่เหลือป๊าจะไปอยู่กับแคนดี้ ป๊าอยากอยู่กับลูก คือหนูแบบ..เรามองพ่อผิดมาตลอดเลย เรานึกว่าพ่อไม่มีที่ไปก็เลยมาอยู่กับเรา และหลังจากที่เรารู้หลายๆ เรื่อง แคนดี้โยนทุกอย่างออกไปหลังจากนั้นพ่อน่ารักที่สุดกับแคนดี้เลย
คุณบุ๋ม ปนัดดา เขามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งแปลกในงานศพพ่อ?แคนดี้ : มีค่ะ แม่บุ๋มเขาจะสัมผัสได้ ปกติแม่บุ๋มบอกว่าถ้างานศพแม่จะไม่ไป แต่งานนี้ต้องมาเพราะรู้ว่าจิตใจแคนดี้แย่ที่สุดแล้ว แม่บุ๋มมาถึงปุ๊บก็เล่าให้ฟังว่า ฉันเห็นพ่อแกยืนอยู่ตรงนั้น หนูรีบมองตามเลย แม่บุ๋มก็เล่าว่าพ่ออยู่ในงานนี่แหละ หนูกับน้องก็บอกว่าแม่บุ๋มถามพ่อให้หน่อยว่าชอบไหมงานที่เราจัดให้ แม่บุ๋มบอกว่าฉันไม่รู้. ฉันถามไม่ได้ รู้แค่ว่าตอนนี้พ่อแกเดินถ่ายรูปกับทุกคน
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ บานเย็น-แคนดี้ รากแก่น https://www.youtube.com/watch?v=hY0N4_zbP0k
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit