วีเอ็มแวร์เผยนวัตกรรมสุดล้ำบนแพลตฟอร์ม Workspace ONE หวังช่วยให้องค์กรทรานส์ฟอร์มธุรกิจและขยายกิจการให้เติบโตขึ้น

02 Sep 2019
- ครั้งแรกกับบริการอำนวยความสะดวกแบบดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เสริมสร้างประสบการณ์ให้กับบุคลากรขององค์กรตั้งแต่กระบวนการจัดจ้างจนถึงเกษียณระบบจัดการที่ทันสมัย
วีเอ็มแวร์เผยนวัตกรรมสุดล้ำบนแพลตฟอร์ม Workspace ONE หวังช่วยให้องค์กรทรานส์ฟอร์มธุรกิจและขยายกิจการให้เติบโตขึ้น

VMware, Inc. (NYSE: VMW) เปิดตัวนวัตกรรมเพื่อแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัล VMware Workspace ONE ในวันนี้ หวังช่วยให้องค์กรเข้าถึงพนักงาน ตั้งแต่วันที่พนักงานลงนามในสัญญาจ้างงาน เพื่อปลดล็อคสร้างประสิทธิภาพเพิ่ม สร้างความก้าวหน้า และเปลี่ยนธุรกิจของพวกเขา นวัตกรรมการจัดการความปลอดภัยและนวัตกรรม VDI แบบหลายคลาวด์สมัยใหม่จะช่วยให้ทีมไอทีใช้ประโยชน์จากพลังของระบบอัตโนมัติเพื่อจัดการและรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นใด ๆ บนคลาวด์ใด ๆ ที่ส่งไปยังอุปกรณ์ใดก็ได้

ชานการ์ ไอเยอร์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายระบบประมวลผล วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า "การทำให้พนักงานมีประสบการณ์ร่วม ตั้งแต่ขั้นตอนการว่าจ้างเรื่อยไปจนถึงการเกษียณ คือหัวใจสำคัญสำหรับการออกแบบพื้นที่ทำงานดิจิทัลของทุกบริษัท และมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จในการปรับปรุงบุคลากร Workspace ONE จะช่วยให้ฝ่ายไอทีเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับพนักงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็น ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการด้านระบบการจัดการที่ทันสมัยและการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust ขององค์กร"

Workspace ONE นำเสนอบริการอำนวนความสะดวกในการสร้างประสบการณ์เฉพาะและสะดวกกับพนักงาน

วีเอ็มแวร์บุกเบิกแนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ฝ่ายไอที (IT) และฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) สามารถสร้างประสบการณ์การเริ่มทำงานวันแรกในรูปแบบใหม่สำหรับพนักงาน ด้วยการเปิดตัวบริการอำนวยความสะดวกแบบดิจิทัล (Digital Concierge Services) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบงานอัตโนมัติของแพลตฟอร์มWorkspace ONE และการบูรณาการเข้ากับระบบต่างๆ ของพันธมิตร อาทิ

Workspace ONE Intelligent Hub – แผงควบคุมส่วนกลางที่พนักงานใช้ในการเข้าถึงแอปฯ เวิร์กโฟลว์ และการแจ้งเตือน และติดต่อกับเพื่อนร่วมงานอย่างปลอดภัย ประกอบด้วยผู้ช่วยเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IBM Watson Assistant ซึ่งสามารถพูดคุยโต้ตอบกับผู้ใช้ โดยอาศัยการประมวลผลภาษาพูด (Natural Language Processing - NLP) หรือข้อความ Workspace ONE เป็นแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัลแพลตฟอร์มแรกที่ผนวกรวมระบบผู้ช่วยเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

บริการอำนวยความสะดวกแบบดิจิทัล Workspace ONE Intelligent Hub Virtual Assistant จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ITและ HR เช่น การจัดซื้อและการลงทะเบียนอุปกรณ์ใหม่ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโปรไฟล์ Wi-Fi การเปิดและจัดการใบสั่งงานสำหรับบริการช่วยเหลือ และการลงทะเบียนสวัสดิการ นอกจากนี้ พนักงานจะสามารถใช้ Virtual Assistant เพื่อเข้าถึงทรัพยากรที่เฉพาะเจาะจงขององค์กร เช่น นโยบายของบริษัท สถานที่ตั้งของสำนักงาน และแผนผังของที่นั่ง รวมไปถึงกระบวนการอื่นๆ ของบริษัทและทีมงาน

นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ยังได้ยกระดับประสิทธิภาพของ Workspace ONE Intelligent Hub ด้วยการผนวกรวม Mobile Flows เพื่อรองรับแอปพลิเคชันด้านHR, ธุรกิจ และการจัดการบริการด้านไอที (IT Service Management - ITSM) เช่น การผนวกกับ Atlassian Jira Service Desk ช่วยให้สามารถจัดส่งข้อมูลใบสั่งงานบริการและข้อมูลอัพเดตไปยัง Intelligent Hub ได้อย่างไร้รอยต่อ การผนวกรวมระบบดังกล่าวเป็นการพัฒนาต่อยอดจากเวิร์กโฟลว์แบบคลิกเดียวที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มนี้ซึ่งรองรับระบบของพาร์ทเนอร์หลายราย เช่น Salesforce, Coupa, SAP Concur และอื่นๆ

การจัดการประสบการณ์ดิจิทัลสำหรับพนักงานบนโมบายล์และเดสก์ท็อปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ จัดการและตรวจวัดคุณประโยชน์ที่พนักงานได้รับ วีเอ็มแวร์เปิดพรีวิวด้านเทคนิคสำหรับ Digital Employee Experience Management ซึ่งเป็นบริการใหม่บน Workspace ONE Intelligence ที่จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถตรวจสอบเชิงรุกและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของพนักงาน โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชัน โดยอ้างอิงข้อมูลการตรวจวัดแบบเรียลไทม์จากสภาพแวดล้อมพื้นที่ทำงานดิจิทัลของพนักงาน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ผสานรวมเข้าด้วยกันของ Workspace ONE UEM, Workspace ONE Intelligence และ Aptelligent บริการ Digital Employee Experience Management จึงนับเป็นโซลูชั่นเพียงหนึ่งเดียวที่สนับสนุนการทำงานของฝ่ายไอทีด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวบนแพลตฟอร์มทั้งแบบโมบายล์และเดสก์ท็อปสำหรับการแก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ

เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับอุปกรณ์ของพนักงาน ฝ่ายไอทีจะต้องสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเพื่อลดระยะเวลาหยุดทำงาน และด้วยเหตุนี้ วีเอ็มแวร์จึงขยายศักยภาพ Workspace ONE Assist (เดิมใช้ชื่อว่า Workspace ONE Advanced Remote Management) เพื่อให้มีความสามารถด้านบริการซัพพอร์ตระยะไกลสำหรับอุปกรณ์ Windows และ macOS ของพนักงาน นอกเหนือไปจากรายการอุปกรณ์ที่รองรับอยู่แล้วในปัจจุบันสำหรับ Workspace ONE Assist ซึ่งครอบคลุมถึงอุปกรณ์ iOS, Android, Windows CE และอุปกรณ์ที่ทนทานเป็นพิเศษ ผู้ดูแลระบบจะสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน ด้วยการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาของผู้ใช้ผ่านการเชื่อมต่อระยะไกลบนแพลตฟอร์มโมบายล์และพีซี เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้งภายในเวลาอันรวดเร็ว

ผู้นำด้านระบบจัดการที่ทันสมัย ครอบคลุมอุปกรณ์และแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากกว่า

Workspace ONE ยังคงนำเสนอการสนับสนุนอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม OS ที่หลากหลายที่สุด รวมถึงชุดฟีเจอร์ที่เจาะลึกที่สุด เพื่อรองรับการจัดการอุปกรณ์ปลายทางแบบครบวงจร (Unified Endpoint Management - UEM) ลูกค้าจัดการอุปกรณ์อุปกรณ์พกพาที่ทนทาน และ IoT กว่าสิบล้านเครื่องโดยใช้ Workspace ONE วีเอ็มแวร์เตรียมที่จะเปิดตัวนวัตกรรม อีกหลายรายการ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับระบบนิเวศน์ที่กว้างขวาง เพื่อขยายขีดความสามารถของ Workspace ONE บนทุกแพลตฟอร์ม

Windows 10: ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 Workspace ONE รองรับการจัดการอุปกรณ์ Win10 เครื่องใหม่กว่า 1 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ Windows 10 กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดของเรา และวีเอ็มแวร์ยังคงขยายการสนับสนุนสำหรับการจัดการที่ทันสมัยของ Windows 10 ด้วยการเปิดตัวเครื่องมือ AirLift สำหรับการโยกย้ายระบบ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเร่งการเปลี่ยนย้ายไปสู่ Windows 10 ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการสนับสนุนการโยกย้ายคอลเลกชั่น Microsoft System Center ConfigManager (SCCM), อุปกรณ์ และแอปพลิเคชันแล้ว เครื่องมือดังกล่าวยังดำเนินกระบวนการอัตโนมัติสำหรับการโยกย้าย Group Policy Object (GPO) จาก SCCM ไปยัง Workspace ONE

นอกจากนี้ Workspace ONE ยังได้เพิ่มอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการจัดการ Windows 10 โดยใช้ Workspace ONE Enterprise App Catalog ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมสำหรับฝ่ายไอทีในการจัดซื้อแอปต่างๆ หลายร้อยแอป ทั้งแบบที่ใช้งานทั่วไป แบบแพ็คเกจสำเร็จรูป และแบบปรับแต่งตามความต้องการ ซึ่งพร้อมสำหรับการติดตั้งให้แก่ผู้ใช้ แอปเหล่านี้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอและได้รับการทดสอบเบื้องต้น เพื่อให้ติดตั้งใช้งานได้อย่างเหมาะสม ตอนนี้ฝ่ายไอทีจะใช้เวลาน้อยลงในการจัดทำแพ็คเกจ ทดสอบ และอัพเดตแอปต่างๆ และมีเวลามากขึ้นในการนำเสนอบริการด้านประสบการณ์อย่างที่พนักงานต้องการ

เดลล์ เทคโนโลยีส์: Dell Technologies Unified Workspace ซึ่งได้รับการเปิดตัวที่งาน Dell Technologies World 2019 ผนวกรวม Workspace ONEบนอุปกรณ์และบริการต่างๆ ของเดลล์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ฝ่ายไอทีในการจัดการอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน และช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลที่ราบรื่นและพร้อมสำหรับการทำงาน และวันนี้ เดลล์ เทคโนโลยีส์ และวีเอ็มแวร์ ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ของโซลูชั่นดังต่อไปนี้:

Unified Workspace รองรับอุปกรณ์ Dell Latitude Chromebook Enterprise รุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถใช้ Workspace ONE UEMในการติดตั้งแอปและนโยบายให้กับ Chromebook สำหรับใช้งานในองค์กร ควบคู่ไปกับอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งหมดWorkspace ONE ผนวกรวมเข้ากับ Dell SafeBIOS เพื่อรองรับการตรวจสอบสถานะของ BIOS อย่างต่อเนื่องตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และสามารถดำเนินการแก้ไขโดยอัตโนมัติUnified Workspace จะสามารถใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะ persistence ของเอเจนต์ Workspace ONE เพื่อช่วยฝ่ายไอทีสามารถติดตามอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกโจรกรรม แม้กระทั่งในกรณีที่เอเจนต์ดังกล่าวถูกถอนการติดตั้ง

แอปเปิล (Apple): Workspace ONE จัดการอุปกรณ์ของแอปเปิลหลายสิบล้านเครื่องในปัจจุบัน และยังคงนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องสำหรับ Mac, iPhone และ iPad และล่าสุดวีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ๆ สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS, iPadOS และ macOS Catalina ดังต่อไปนี้:

การสนับสนุนระบบปฏิบัติการ iOS 13 และ iPadOS จะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้ในช่วงปลายปีนี้ รวมไปถึงรุ่นที่รองรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งาน รองรับอุปกรณ์ส่วนตัว (BYOD) กับแอปพลิเคชันและบริการทางด้านธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการจัดการทั้งหมดสำหรับอุปกรณ์ดังกล่าวWorkspace ONE รองรับการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยสำหรับอุปกรณ์ของแอปเปิล โดยให้การควบคุมที่ละเอียดมากสำหรับอัพเดตหลักและอัพเดตย่อยทั้งหมดของ iOS และ macOS โดยมีเวิร์กโฟลว์การอนุมัติที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ เพื่อรองรับการเผยแพร่ ระงับ หรือเลื่อนการอัพเดตตามโปรไฟล์ความเสี่ยงของบริษัทที่กำหนดไว้สำหรับการเผยแพร่อัพเดต OSเอนจิ้นการเขียนสคริปต์และการจัดลำดับของ macOS ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถปรับแต่ง OS ติดตั้งแอป แก้ไขระบบ และเผยแพร่สคริปต์เหล่านี้ให้แก่ผู้ใช้ในรูปแบบของการบริการตนเองการจัดการวงจรการใช้งานการเข้ารหัส macOS FileVault ช่วยเพิ่มความสะดวกในการรับฝาก รีเฟรช และกู้คืนคีย์ที่ใช้เข้ารหัสการสนับสนุน System Integrity Protection (SIP) สำหรับ macOS รองรับการตรวจสอบยืนยันสถานะของอุปกรณ์และความสอดคล้องตามข้อกำหนด

กูเกิล: วีเอ็มแวร์ได้เพิ่มความสามารถเพื่อสนับสนุน Android Enterprise ทำให้ลูกค้าสามารถโยกย้ายจากโปรไฟล์จาก Android เดิมไปเป็น Android Enterprise ได้ในไม่กี่คลิกด้วย Workspace ONE UEM นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเช็คความพร้อมของอุปกรณ์และขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงานได้แบบเรียลไทม์ วีเอ็มแวร์ยังเป็น UEM เจ้าแรกที่ช่วยให้ระบบจัดการอุปกรณ์ Chrome OS ทำงานได้ทันสมัยมากขึ้น และวันนี้ได้ประกาศเปิดตัว Workspace ONE UEM Extension ใหม่สำหรับ Chrome OS แล้ว โดยโซลูชั่นนี้จะพร้อมใช้งานในไตรมาส 3 นอกจากนั้น ด้วย Workspace ONE UEM Extensionสำหรับ Chrome OS ผู้ดูแลระบบจะสามารถรับฝาก เพิกถอน และต่ออายุใบรับรองการตรวจสอบสำหรับผู้ใช้และอุปกรณ์ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความคล่องตัวให้แก่ผู้ใช้ในการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ

ออคต้า (Okta): วีเอ็มแวร์และออคต้าประกาศร่วมกันเกี่ยวกับการผนวกรวม Workspace ONE และ Okta Universal Directory (UD) เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ Workspace ONE สามารถใช้ Okta UD เป็นบริการไดเรคทอรีหลัก แทนไดเรคทอรีรุ่นเก่าที่ติดตั้งภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าโยกย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

การสนับสนุนเวอร์ชวลเดสก์ท็อปและแอปบนมัลติคลาวด์ ด้วยบริการที่เหนือกว่า

วีเอ็มแวร์ช่วยเพิ่มความสะดวกและความคล่องตัวให้แก่ลูกค้าในการจัดการ ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และเข้าใช้งานเวอร์ชวลเดสก์ท็อปและแอปต่างๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของดิจิทัลเวิร์กสเปซ ไม่ว่าจะเป็นแอปที่ติดตั้งในองค์กร ในระบบคลาวด์ หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ทั้งนี้ วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัวนวัตกรรมหลายอย่างที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกและสร้างระบบงานอัตโนมัติสำหรับการจัดการคลาวด์ที่ประกอบด้วยเวอร์ชวลเดสก์ท็อปและแอปต่างๆ ภายในWorkspace ONE

วันนี้ วีเอ็มแวร์ได้เผยโฉม VMware Horizon Services for Multi-Cloud ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถดำเนินการเป็นตัวกลางและจัดการสภาพแวดล้อมแบบหลายไซต์ได้โดยอัตโนมัติ Horizon Services for Multi-Cloud ช่วยให้พนักงานสามารถล็อกอินเข้าสู่พื้นที่ทำงานเสมือนจริงที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นบนระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรหรือในระบบคลาวด์ โดยได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้ ลดค่าใช้จ่าย และรองรับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การกู้คืนระบบ การขยายดาต้าเซ็นเตอร์ และการใช้ระบบคลาวด์เพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน (Cloud Bursting)

บริการใหม่ด้านการจัดการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Horizon Services for Multi-Cloud จะเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการเดสก์ท็อปและแอปต่างๆ โดยฝ่ายไอทีจะสามารถจัดการทรัพยากรสำคัญๆ เช่น แอปพลิเคชันหรืออิมเมจบนหลายๆ ไซต์ เพื่อรองรับการใช้งานระบบที่เป็นแบบไฮบริดอย่างแท้จริง แนวทางที่ทันสมัยสำหรับการจัดการแอปพลิเคชันจะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถจัดทำแพ็คเกจและนำเสนอแอปพลิเคชัน ฝ่ายไอทีจะได้ใช้แพ็คเกจที่เหมือนกันบนระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรและเดสก์ท็อปบนคลาวด์ โดยใช้รูปแบบการเผยแพร่ one-to-many นอกจากนั้น บริการใหม่สำหรับการตรวจสอบคลาวด์จะแสดงข้อมูลประสิทธิภาพของ Horizon เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถดำเนินการตรวจสอบในลักษณะเชิงรุก แก้ไขปัญหา และซ่อมแซมสภาพแวดล้อม โดยควบคุมสั่งการจากคอนโซลหนึ่งเดียวบนระบบคลาวด์

ไมโครซอฟท์และวีเอ็มแวร์พัฒนาต่อยอดจากการบูรณาการระบบตามที่สัญญาไว้ เช่น การรองรับการเข้าถึงภายใต้เงื่อนไขสำหรับ Microsoft Office 365โดยใช้ Microsoft Intune และ Azure Active Directory, การสนับสนุน Horizon Cloud สำหรับ Windows Virtual Desktop บน Microsoft Azure และการสนับสนุน Microsoft Teams เพื่อขับเคลื่อนการประสานงานร่วมกันบนพื้นที่ทำงานดังกล่าว นอกจากนั้น เพื่อรองรับการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อกับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้าจะสามารถใช้แพ็คปรับปรุงประสิทธิภาพ Zoom ร่วมกับ Horizon ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ Horizon จะถูกรวมเข้ากับ NSX Advanced Load Balancer ช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายจากอุปกรณ์บนแอปพลิเคชั่นที่ใช้ฮาร์ดแวร์ ADC ทำให้เข้าถึงเดสก์ท็อปและแอปที่รวดเร็ว ยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น

สุดท้าย ลูกค้าที่ใช้ Horizon จะสามารถใช้ประโยชน์จากไฮบริดคลาวด์ได้อย่างคุ้มค่า โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง ด้วยระบบไลเซนส์แบบสมัครสมาชิก และภายใต้ VMware Subscription Upgrade สำหรับ Horizon ลูกค้าที่ใช้ Horizon 7 จะสามารถนำเอาไลเซนส์แบบถาวรมาแลกซื้อเพื่อรับส่วนลดสำหรับ Horizon Universal License ซึ่งลูกค้าสามารถติดตั้งใช้งานได้ทุกที่ ไม่ว่าบนระบบที่ติดตั้งในองค์กรหรือระบบคลาวด์

Workspace ONE Intelligence เพิ่มเติมการวิเคราะห์ความเสี่ยงบนหลายแพลตฟอร์มสำหรับโมเดลการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust

ด้วยการผสานรวมระบบจัดการที่ทันสมัย การจัดการสิทธิ์การเข้าถึง และระบบวิเคราะห์ข้อมูลบนพื้นที่ทำงานดิจิทัล วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำในการนำเสนอแนวทางแบบครบวงจรสำหรับการรองรับการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust โดยครอบคลุมเครือข่าย อุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และผู้ใช้ทั้งหมด และวันนี้ วีเอ็มแวร์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่าง เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับใช้สถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust

Workspace ONE Intelligence ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ จะนำเสนอคะแนนความเสี่ยงของผู้ใช้และอุปกรณ์ซึ่งเป็นคะแนนเชิงปริมาณเดียวโดยพิจารณาจากคุณลักษณะความเสี่ยงหลายประการซึ่งสามารถใช้เพื่อเรียกใช้นโยบายการเข้าถึงแบบมีเงื่อนไขและการแก้ไขอัตโนมัติ Workspace ONE Intelligence ใช้เทคโนโลยี Machine Learning ในการระบุพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ โดยพิจารณาจากความแปรปรวนจากพฤติกรรมที่มีรูปแบบและการดำเนินการแก้ไขอัตโนมัติ

นอกจากนี้ Workspace ONE Trust Network ยังรองรับ Carbon Black, Lookout และ Netskope อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถผนวกรวมข้อมูลจากโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดไว้ใน Workspace ONE และใช้แดชบอร์ด Workspace ONE Intelligence เพื่อรองรับการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยอย่างรอบด้านและทั่วถึง

ข้อมูลเพิ่มเติม:

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของข่าวนี้ได้ที่บล็อก VMware End User Computingอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มพื้นที่ทำงานดิจิทัลของวีเอ็มแวร์ VMware Workspace ONEรับทราบข่าวคราวอัพเดตเกี่ยวกับ Workspace ONE ผ่านทาง Facebook, LinkedIn และ Twitterติดตามวีเอ็มแวร์บน Facebook, LinkedIn และ Twitter

เกี่ยวกับ วีเอ็มแวร์

วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ ระบบคลาวด์ เน็ตเวิร์คกิ้ง ระบบรักษาความปลอดภัย และดิจิทัลเวิร์กสเปซ วีเอ็มแวร์จึงเป็นผู้ให้บริการระบบดิจิทัลพื้นฐานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว โดยให้บริการแก่ลูกค้าทั่วโลก สำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยวีเอ็มแวร์มุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมที่สร้างผลประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและสังคม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.vmware.com/company.html