พร้อมทั้งเน้นย้ำด้านการบริหารจัดการผลิตน้ำนมให้มีคุณภาพมาตรฐาน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำ โดยให้คำนึงถึงคุณภาพด้านการขนส่งและการจัดเก็บนมให้อยู่ในอุณหภูมิที่ดีมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการขนส่งนมโรงเรียน ซึ่งผู้รับผิดชอบด้านการขนส่งนมโรงเรียนจะต้องดูแลไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้นมโรงเรียนถึงมือเด็กนักเรียนอย่างปลอดภัย เพราะเด็กเป็นอนาคตของชาติที่ควรได้รับการส่งเสริมด้านโภชนาการอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์
ส่วนในด้านการตลาด ขอให้ อ.ส.ค. ขยายตลาดให้มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรรุ่นใหม่เข้ามาประกอบอาชีพเลี้ยงโคนมให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้อาชีพเลี้ยงโคนมมีผู้สืบทอดโดยไม่ละทิ้งเกษตรกรรุ่นเก่า นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้การทำการเกษตร สหกรณ์ และโคนม มีการบูรณาการเชื่อมโยงเกื้อหนุนกัน เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพอย่างครบวงจร
"สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำคือ การยกระดับคุณภาพมาตรฐานด้านการผลิตน้ำนม โดยเฉพาะนมโรงเรียน ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่ระดับต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการขนส่งและการจัดเก็บน้ำนม เพื่อให้เด็กนักเรียนได้บริโภคนมที่มีคุณภาพมาตรฐานและมีคุณประโยชน์สูงสุด" นางสาวมนัญญา กล่าว
ทั้งนี้ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มีการดำเนินการผลิตแบบครบวงจร มีโคนมที่ดูแลทั้งหมด จำนวน 25,333 ตัว และโคนมรีด 10,421 ตัว มีปริมาณน้ำนมดิบ จำนวน 37,709 ตัน/ปี โดยมีกระบวนการผลิต ประกอบด้วย การรับน้ำนมจากเกษตรกร การตรวจคุณภาพน้ำนมดิบ การส่งไปยังศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ การตรวจคุณภาพน้ำนมดิบ และการเข้าสู่ขบวนการผลิต มีปริมาณน้ำนมดิบ เฉลี่ยประมาณวันละ 131.24 ตัน. รวมมูลค่าน้ำนมดิบ 682,635,945 ล้านบาท และรายได้เฉลี่ย/ฟาร์ม/เดือน จำนวน 115,976 บาท
จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด ณ ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งพบปะเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้แสดงความชื่นชมสหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด ที่มีความเข้มแข็ง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมทั้งฝากเรื่องการคิดดอกเบี้ยกับสมาชิกสหกรณ์ ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเมตตา เมื่อมีกำไรให้แบ่งปันแก่เกษตรกรโดยขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมได้รับความเดือดร้อน จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เตรียมมาตรการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์เพื่อฟื้นฟูอาชีพหลังเกิดภัยพิบัติจากพายุโพดุล รวมทั้งพิจารณาแนวทางขยายเวลาชำระหนี้ให้สมาชิกสหกรณ์ที่ประสบความเดือดร้อน
สำหรับสหกรณ์โคนมขอนแก่น จำกัด ปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 175 ราย มีจำนวนโคนมทั้งสิ้น 9,063 ตัว โดยสหกรณ์มีการดำเนินธุรกิจ 8 ธุรกิจ ได้แก่ 1) การรับฝากเงิน 2)ธุรกิจสินเชื่อ 3)ธุรกิจจัดหาวัสดุมาจำหน่าย 4)ธุรกิจรวบรวมน้ำนมดิบ 5)ธุรกิจแปรรูป. 6)ธุรกิจการให้บริการ 7) ธุรกิจการผลิตอาหารสัตว์ และ 8) ธุรกิจธนาคารโคนมทดแทนฝูงในรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2561 สหกรณ์มีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 236.85 ล้านบาทเป็นทุนภายในของสหกรณ์จำนวน 82.71 ล้านบาท ปริมาณธุรกิจรวมทั้งสิ้น 759.082 ล้านบาท ผลการดำเนินธุรกิจมีกำไรสุทธิ 16.907 ล้านบาท
ด้านการรวบรวมน้ำนมดิบ สหกรณ์รับน้ำนมดิบจากสมาชิกวันละ 47.23 ตัน/วันแปรรูปเป็นนมพาสเจอร์ไรส์(นมโรงเรียน) 20.42 ตัน/วัน รอบปีบัญชี 2561 สหกรณ์รวบรวมน้ำนมดิบได้ทั้งสิ้น 17,756.28 ตัน คิดเป็นมูลค่า 324.230 ล้านบาท และแปรรูปนมพาสเจอร์ไรส์ (นมโรงเรียน) 7,351.20 ตัน ที่เหลือ 10,405.08 ตัน จำหน่ายในรูปน้ำนมดิบให้กับผู้ประกอบการที่ ได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU)ไว้
โดยสหกรณ์ฯ ได้เข้าร่วมโครงการตามนโยบายภาครัฐ อาทิ โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแปลงใหญ่ โครงการธนาคารสินค้าเกษตร (ธนาคารโคนมทดแทนฝูง)โครงการไทย นิยม ยั่งยืน (การสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร) โครงการส่งเสริมการใช้ เครื่องจักรกลทดแทนแรงงานเกษตร เป็นต้น เพื่อให้สมาชิกมีการวางแผนการผลิตร่วมกัน เพื่อลดต้นทุนและพัฒนาคุณภาพผลผลิตน้านมดิบ สมาชิกสามารถลดต้นทุนการเลี้ยงโคนมได้ จำนวน 1,326 บาท/ตัว/เดือน และพัฒนาฟาร์มได้รับการรับรองมาตรฐานทุกฟาร์ม ส่งผลให้คุณภาพน้ำนม ดิบดีขึ้น ส่งผลให้สมาชิกมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง
พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และคณะ ได้เดินทางไปให้กำลังใจและตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง นมจากอ.ส.ค.และน้ำดื่มไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ณ โรงเรียนเบญมิตร อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
"การลงพื้นที่ตรวจราชการในวันนี้จะกลับไปประมวลความช่วยเหลือในเบื้องต้น ในส่วนผู้ประสบภัยที่อยู่ในสหกรณ์ว่าจะดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างไร ซึ่งจะบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องเกษตรกรให้มากที่สุดอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยในวันนี้ได้นำนมจาก อ.ส.ค.มามอบให้กับเด็กๆ เพื่อบำรุงสุขภาพให้เจริญเติบโต เพราะทุกช่วงเวลาของเด็กไม่ควรต้องขาดการดื่มนม ทั้งที่อยู่ในโรงเรียนและระหว่างน้ำท่วม หรือในพื้นที่อื่นๆหากประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ทางกระทรวงเกษตรฯก็พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่" นางสาวมนัญญา กล่าว