"มลพิษเป็นปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่ยากต่อการจัดการ ยิ่งเมืองเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ ทั้งในแง่อุตสาหกรรม ชุมชน ยิ่งทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ น้ำ เสียง มากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างหากวิธีจัดการ แต่แน่นอนว่าคงแก้ไม่ได้ อากาศบริสุทธิ์จริงๆ คงไม่กลับมาในเร็วนี้ เพราะมีการสะสมของมลพิษมานานแล้วหลายๆ สิบปี"
"ปัจจุบันเราไม่ได้เผชิญมลภาวะทางอากาศแต่ภายนอกเท่านั้น ภายในอาคาร บ้าน ที่ปกคลุมมิดชิดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นี่คือคุณสมบัติของอากาศที่แทรกซึมไปได้ทุกที่ ทีนี้ภัยที่มากับอากาศจนเรียกว่ามลพิษ นอกจากฝุ่น ควัน แล้ว ยังมีเชื้อโรคหลากหลายที่แฝงเพิ่มมาเรื่อยๆ ทั้งสารพิษ แบคทีเรีย ไวรัสชนิดต่างๆ แม้กระทั่งในมือถือ หากการรับมือไม่ดีพอ ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว"
ดร.ล่าย ชิน เหว่ย เผยว่า จากรายงานของกรมอนามัยโลก ปัญหามลภาวะทางอากาศ มีประมาณ 7 ล้านคนเสียชีวิต ซึ่งผลที่เกิดมาจากการสัมผัสมลพิษทางอากาศสะสม แบ่งเป็น โรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศในที่แจ้ง 40% โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 40% โรคหลอดเลือดสมอง 11% โรคปอดอุดตันเรื้อรัง 3% โรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่างในเด็ก(ปอด) 6% มะเร็งปอด และ โรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศในอาคารที่ร่ม 26% โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 34% โรคหลอดเลือดสมอง 22% โรคปอดอุดตันเรื้อรัง 12% โรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่างในเด็ก(ปอด) 6% มะเร็งปอด ฯลฯ
ซึ่งสาเหตุหลักมากจากสิ่งที่มนุษย์พอเจอทุกวัน อาทิ 1. Volatile Organic Compound (VOCs ส่วนผสมสารเคมีของโมเลกุลสารอินทรีย์ที่ระเหยอยู่ในอากาศ ระดับสารเคมีในอากาศภายในรถยนต์ มีระดับปริมาณสูงและสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อเจอความร้อน ประกอบด้วย Formaldehyde - พบได้ในสีพ่นรถยนต์ เบาะที่นั่ง วัสดุอุดกันรั่ว สารเคลือบไม้ ฯลฯ Polybrominated diphenyl ethers (PBDEs) ใช้เป็นสารทนไฟ สารทนความร้อน Phthalic acid esters (Phthalates) ถูกปล่อยออกมาจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการ ตกแต่งภายในรถยนต์ เช่น พลาสติก ไม้ เบาะ เครื่องหนัง หมอนอิง และวัสดุอุดกันรั่วต่างๆ 2. อันตรายทางชีวภาพจากเชื้อโรค จากสิ่งมีชีวิตหรือผลิตภัณฑ์ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตราย ต่อสุขภาพของมนุษย์ที่พบได้ทั่วไป เช่น แบคทีเรีย (สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดิน, น้ำ, สารอินทรีย์หรือซากของพืชและสัตว์มีความโดดเด่นจากขนาดนิวเคลียสที่แตกต่างกัน ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ตัวอย่างเช่น เชื้อแบคทีเรีย E. coli บาดทะยักและวัณโรค) เชื้อรา (กลุ่มของพืชชั้นต่ำที่ไม่มีคลอโรฟีล ดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่ ตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ ตัวอย่างเช่น โรคน้ำกัดเท้า เชื้อราสนิม โรคราน้ำค้างเขม่า ยีสต์และเห็ด) ไวรัส (กลุ่มของเชื้อโรคที่ประกอบด้วยส่วนใหญ่ของกรดนิวคลีอิก และขาดโครงสร้างของเซลล์ ไวรัสทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับพาหนะ สำหรับการเพิ่มจำนวน ตัวอย่างเช่น โรคไข้หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคซาร์ส และโรคพิษสุนัขบ้า)
เราจะแก้ปัญหาอย่างไร? หลักการพื้นฐาน 1 หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ลด ละ เลิก อยู่กับสิ่งเหล่านี้ให้น้อยที่สุด 2 มีงานวิจัยเรื่องการอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท มีลมพัดตลอด ช่วยลดและป้องกันมลพิษได้ 3 สวนสาธารณะที่มีต้นไม้เยอะๆ ต้นไม้มีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่ดูด ไม่รวมสารพิษ แยกกันได้เหมือนน้ำกับน้ำมัน นอกจากนี้ในเบื้องต้น วิทยาการก้าวหน้าได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ นาโนไททาเนียม ไดออกไซด์(2-3 nm) ของเหลวใสง่ายกับการนำไปใช้กับพื้นผิวใด ๆ มีเทคโนโลยีการกระจายตัว สามารถฉีดพ่นและติดแน่นโดยตรงกับพื้นผิว แห้งและคงทนในทันที ทำปฏิกิริยาตอบสนองต่อแสงที่มองเห็น สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็ว ช่วยชะล้างและทำลายสิ่งสกปรกและสารอินทรีย์ ได้รับการรับรองจาก สมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
อากาศดี ซื้อไม่ได้ จัดการได้ แต่จะดีแค่ไหน ลองพิจารณากันดู
หมายเหตุ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ARMOR 8 เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ วางจำหน่ายแล้วกว่า 8 ประเทศ อย่างประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง อินเดีย มาเก๊า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐเช็ค โปแลนด์ และประเทศไทยเป็นประเทศล่าสุดที่มีการเปิดตัวเป็นลำดับที่ 9 ได้เป็นทางเลือกสำหรับครอบครัวคนไทยให้มีสุขภาพที่ดี จากจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้ง ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก สัตว์เลี้ยงและสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์เคลือบผิวเทคโนโลยีนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ เหมาะกับพื้นที่อย่าง สถานที่ทำงาน โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียน โรงภาพยนตร์ หรือร้านอาหาร เมื่อหน่วยงาน หรือผู้ประกอบการใช้ ผลิตภัณฑ์ ARMOR 8 ฉีดพ่น ผลิตภัณฑ์จะทำงานร่วมกับแสงสามารถเข้าถึงทุกอนูของเชื้อโรคภายในอากาศ ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นและเชื้อโรคสะสมยาวนานถึง 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ค Kanzen SmartCoat Armor8 หรือโทรศัพท์ 02-931-3755
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit