"วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่รุ่มรวยขึ้นเมื่อมีการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ระหว่างกัน" Zhou Jiangyong เลขาธิการคณะกรรมการเทศบาลนครหางโจว สังกัดพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และสมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญประจำคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนแห่งมณฑลเจ้อเจียง กล่าว "นครหางโจวเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ลุ่มลึกและยาวนาน ทั้งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แสดงให้เห็นอารยธรรมจีนที่ยาวนานกว่า 5,000 ปี เราจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมนี้ในการถ่ายทอดเรื่องราวของนครหางโจว มณฑลเจ้อเจียง และประเทศจีน พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การเรียนรู้ระหว่างกัน และความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันและอิทธิพลของนครหางโจวในระดับสากล"
มหกรรมดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2007 และจนถึงปีนี้ก็เป็นปีที่ 13 แล้ว มหกรรมนี้ไม่ได้ปรากฏให้เห็นการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของแวดวงวัฒนธรรมจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรรมระหว่างโลกตะวันออกกับโลกตะวันตกด้วย
มหกรรมนี้มีขึ้นเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งดึงดูดคณะผู้จัดแสดงต่างชาติได้กว่า 400 รายจาก 53 ประเทศและดินแดน โดยมีบริษัทและองค์กรทางวัฒนธรรมรวมกันกว่า 2000 รายจากทั่วโลก ที่ได้ร่วมกันจัดแสดงสินค้าและบริการของตนในพื้นที่จัดแสดง 8 โซน เวทีระดับนานาชาติแห่งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสะท้อนให้เห็นความคิดสร้างสรรค์เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในพื้นเพทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วโลก
มหกรรมนี้ดึงดูดผู้มาเยือนได้กว่า 286,000 รายในพื้นที่จัดแสดงและพื้นที่จัดกิจกรรมอื่น ๆ โดยมียอดธุรกรรมและเซ็นสัญญาโครงการ ณ พื้นที่จัดแสดงนี้รวมกันแตะ 1.675 หมื่นล้านหยวน (ในจำนวนนี้มียอดระดมทุนโครงการเกิน 1.5 หมื่นล้านหยวน) ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับพื้นที่จัดแสดงหลักนั้น ประกอบด้วยการจัดแสดงผลงานทางวัฒนธรรมจากอิตาลี อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอื่น ๆ ทั้งในแวดวงแฟชัน การออกแบบ การผลิต วัฒนธรรม และอาหาร ขณะที่พื้นที่จัดแสดงของนครหางโจวนั้นมีธีมหลักอยู่ที่สไตล์แบบออเรียนทัลเซน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะและงานหัตถกรรม รวมถึงบรรดาศิลปินอาวุโสของจีนรวมกันกว่า 30 ราย ร่วมจัดแสดงผลงานของตนที่สะท้อนสไตล์แบบอุตสาหกรรมร่วมสมัยในระดับสูงสุด ส่วนฉากม่านและเงาต่าง ๆ ได้ก่อให้เกิดบรรยากาศเสมือนมีเมฆลอยและน้ำไหล เพื่อให้ภาพที่เปรียบดั่งบทกวี ผลงานอันประณีตบรรจงแต่ละชิ้นที่จัดแสดงนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นสุนทรียภาพแบบฉบับของจีนอันเป็นที่สุด
นอกจากนี้ มหกรรมดังกล่าวยังได้เปิดพื้นที่จัดแสดงที่มีธีมหลักอยู่ที่ประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย พื้นที่ดังกล่าวดึงดูดองค์กรและสถาบันทางวัฒนธรรมชื่อดังของอังกฤษได้กว่า 130 ราย ที่ต่างได้เข้ามาจัดแสดงผลงานทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เกือบ 1,000 ชิ้น สำหรับปีนี้ ทางมหกรรมยังคงเปิดพื้นที่พิเศษที่อุทิศให้กับการนำเสนอประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ และทางผู้จัดได้เชิญอิตาลีให้เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ พร้อมเปิดตัวมหกรรมและกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมมากมาย
ในส่วนพื้นที่จัดแสดงพิเศษของอิตาลีนั้น ได้มีการเรียงบล็อคจำลองหอเอนเมืองปิซา เรือกอนโดลาในเวนิส ไปจนถึงระเบียงในนวนิยายรักก้องโลกอย่างโรมิโอและจูเลียต นอกจากนี้ ยังมีผลงานหัตถศิลป์จากแคว้นทัสกานี แฟชันสไตล์มิลาน ประวัติศาสตร์โรม และเรื่องราวของเมืองเวโรนา ที่เข้ามาเติมเต็มพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่กว่า 1,000 ตารางเมตร โดยมีผลงานทางวัฒนธรรมใหม่ ๆ จากกว่า 60 แบรนด์ทั่วคาบสมุทรอิตาลี เพื่อสะท้อนกลิ่นอายแบบเมดิเตอร์เรเนียนสุดโรแมนติก นอกจากนี้ Lella Amato ทายาทกิจการรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ดังอย่าง CLAMORI ยังอาจช่วยเลือก "กระเป๋าคุณยาย" ที่เหมาะกับคุณที่สุดด้วย
เมืองเวโรนาของอิตาลีเป็นเมืองที่ชาวหางโจวคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะทั้งเมืองเวโรนา ทะเลสาบซีหู (West Lake) คลองต้า-ยฺวิ่นเหอ (Grand Canal) และซากปรักหักพังทางโบราณคดีของเมืองโบราณเหลียงจู่ ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยเมืองอันเก่าแก่ทั้งสองเมืองนี้มีสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นผ่านมรดกทางวัฒนธรรม
Ludovica Murazzani กงสุลฝ่ายการพาณิชย์จากสถานกงสุลใหญ่แห่งอิตาลีประจำนครเซี่ยงไฮ้ ได้เปิดเผยระหว่างพิธีเปิดงานว่า การแลกเปลี่ยนฉันมิตรระหว่างจีนกับอิตาลีในแง่สินค้าโภคภัณฑ์ การค้า ศิลปะ และวัฒนธรรมนั้น สืบประวัติย้อนไปได้กว่าเมื่อ 2000 ปีที่ผ่านมา
อิตาลีในฐานะที่เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ มีความยินดีที่จะแสดงให้มิตรสหายในหางโจวได้เห็นวัฒนธรรมและวิถีการใช้ชีวิตแบบอิตาลีในทุกมิติ โดยปี 2020 จะเป็นช่วงเวลาครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับอิตาลี ทั้งยังเป็นปีแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงแพทย์แผนจีนด้วย ทั้งนี้ อิตาลีจะเดินตามรอยเท้าของมาร์โก โปโล ในการทำให้การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ระหว่างสองฝ่ายนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมกระชับความร่วมมือเพื่อบันดาลให้เกิดความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุด
ข้อมูลสถิติเบื้องต้นระบุว่า อุตสาหกรรมวัฒนธรรมของนครหางโจวมีมูลค่าเพิ่มแตะ 1.809 แสนล้านหยวนในปี 2018 ขณะที่นครหางโจวก็ได้ก้าวขึ้นเป็นเมืองอันดับต้น ๆ ของจีนในแง่ของขนาดและบทบาทในภาคส่วนนี้ นครหางโจวจะเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของตนเองต่อไป และคาดว่ามหกรรมนี้จะเข้ามาเป็นแรงหนุนสำคัญให้กับนครหางโจว ในการสร้างศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ในระดับนานาชาติ เพื่อชูมนต์เสน่ห์ของเมืองอันโด่งดังทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างหางโจว
นครหางโจว มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเมืองทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน ขณะที่มาร์โก โปโล ก็ได้ให้นิยามเมืองนี้ว่าเป็น "เมืองที่เป็นเลิศและงามสง่าที่สุดในโลก" ส่งผลให้นครหางโจวกลายเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจของบรรดาศิลปิน นักประพันธ์ และนักกวีที่โดดเด่นเป็นอันดับต้น ๆ ของจีน ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งพันปี ปัจจุบัน อุตสาหกรรมวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ ได้เปิดโอกาสให้นครหางโจวเดินหน้าแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมร่วมกับทั้งโลก พร้อมบอกเล่าเรื่องราวโลกตะวันออกอันตื่นตาตื่นใจผ่านวัฒนธรรม
ที่มา: กรมประชาสัมพันธ์ เทศบาลนครหางโจว
ลิงก์ภาพประกอบ: http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=345937
AsiaNet 80701
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit