ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองพบผู้ป่วยสูงขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปี ทั้งต่างประเทศและในประเทศไทย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือชนิดฮอดจ์กินและชนิดนอนฮอดจ์กิน โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยชนิดฮอดจ์กิน 62,000 คนทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ชาย 60% และเป็นผู้หญิง 40 % โดยเฉลี่ยในแต่ละปี ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน 25,000 คน โดยทั่วไปผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน มักมีอาการค่อนข้างช้า มีการดำเนินโรคอย่างค่อยเป็นค่อยไป และชนิดนอนฮอดจ์กิน ในแต่ละปีมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้ 286,000 คนทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ชาย 58% และเป็นผู้หญิง 42% ในประเทศไทยพบชนิดนอนฮอดจ์กิน บ่อยที่สุด และเนื่องจากต่อมน้ำเหลืองพบได้ทุกตำแหน่งของร่างกาย มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน(Non-Hodgkin lymphoma) จึงสามารถพบได้ในทุกอวัยวะ แต่ส่วนมากมักเริ่มเป็นที่ต่อมน้ำเหลือง, ม้าม, ตับ หรือแม้กระทั่งในกระเพาะอาหาร
ในปีนี้ "ชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย" ด้วยความร่วมมือจากโรงเรียนแพทย์ และสถานพยาบาลที่สำคัญของประเทศ รวม 13 แห่ง ได้จัดกิจกรรม "ปาฏิหาริย์-เปลี่ยนมะเร็ง-ให้เป็นสุข : MIRACLE is all " ครั้งที่ 6 ขึ้น โดยการจัดงานในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนไข้โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทุกคน มีคุณภาพชีวิต และแรงบันดาลใจที่ดี เพื่อที่จะก้าวข้ามผ่านโรคร้ายไปให้ได้ และรู้สึกว่าถึงจะป่วยแต่ก็ป่วยอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ภายในงานจะพบกับแขกรับเชิญพิเศษ และกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ดังนี้
นอกจากนี้ในงานยังร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ป่วย Unforgotten Cancer มะเร็ง..ไม่ลืม เรื่องจริงไม่ลืมเลือน กับการต่อสู้กับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 3 ของ นุ้ย ฤทัยรัตน์ ศรีทอง อายุ 36 ปี ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน นุ้ย ฤทัยรัตน์ ศรีทอง อายุ 36 ปี Perfectionist Girl ที่ใช้ชีวิตล้วนส่งผลทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ที่ชอบกินของแต่ของหมักดอง ของสุกๆ ดิบๆ ปลาร้า พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลังกาย เพราะด้วยตัวนุ้ยเองก็คิดว่า อายุยังไม่เยอะ ยังมีแรงใช้ชีวิตแบบไม่ดูแลตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่า มันคือระเบิดเวลาชีวิตดีๆ นี่เอง และนุ้ยก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 3 คุณหมอวางแผนการรักษาโดยให้ยาเคมีบำบัด 6-8 คอร์ส และหลังจากนั้นก็ทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดโดยอาศัยเซลล์ของตัวเอง หรือ Autologous transplantation ในระหว่างให้ยาเคมีบำบัด คุณหมอจะมีการประเมินการรักษาอยู่เป็นระยะๆ โดยการทำ PET/CT Scan และผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ หลังจากได้ยาเคมีบำบัดครบ 7 คอร์ส ก็ถึงขั้นตอนการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
"ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้เวลาผ่านไปร่วม 3 ปี นุ้ยพยายามใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และมีความสุขในทุกๆ วันที่ได้มีโอกาสลืมตาตื่นขึ้นมา นุ้ยรักตัวเองมากขึ้น และทำในสิ่งที่อยากทำ ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป ปล่อยวางกับบางเรื่อง ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ ไม่กลับไปมีพฤติกรรมอันไม่ดูแลตัวเองเหมือนเช่นเดิม ลดความเป็น Perfectionist Girl ลง และปรับให้เป็น Balancing Girl มากขึ้น สุดท้ายนี้อยากจะบอกกับทุกคนให้หันมาดูแลสุขภาพก่อนที่จะสายเกินไป หรือแม้กับคนที่ป่วยแล้วคุณอย่าท้อแท้ หากเรามีกำลังใจที่จะสู้ นุ้ยเชื่อว่าคุณจะชนะมัน เพราะ มะเร็งแพ้ความสุข และรอยยิ้ม สู้ไปด้วยกันนะคะ เพราะนุ้ยเองก็จะไม่ลืมว่ามะเร็งได้มาเตือนว่านุ้ยควรจะ Balance ชีวิตต่อจากนี้ยังไงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปค่ะ Unforgotten Cancer มะเร็ง..ไม่ลืม"
คุณ ธีรศักดิ์ จีรัชต์สิราลาภ หรือ เพ้ง ปัจจุบันอายุ 50 ปี มนุษย์เงินเดือนที่ลาออกจากงานบริษัทมาทำงานอิสระ #เจอมะเร็งจากการรักษาไซนัส!! ตอนอายุ 42 ปี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องไซนัสบ่อยๆ แต่เริ่มมีอาการผิดปกติ คือบริเวณหลังหูข้างขวา กับบริเวณใต้คาง บวมเป็นก้อนเนื้อแข็งขึ้นมา ขนาดประมาณไข่นกกระทา จึงตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลออกมาเป็น "มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ Lymphoma"
ชนิด NK/T cell Lympho, Nasal Type และต้องรักษาโดยใช้เคมีบำบัด แต่เลือกหันมาใช้สมุนไพรแทนการให้เคมีบำบัดบ้าง น้ำหนักค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จาก 74 เหลือแค่ 55 กิโลกรัม ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ พร้อมกับร่างกายที่ทรุดโทรมมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวโรคเดินหน้า ใบหน้าบวมเป่ง ข้างในจมูกเป็นหนอง และเริ่มมีอาการวูบเป็นลม จึงกลับมาพบคุณหมอแผนปัจจุบัน เพื่อเริ่มเข้าสู่กระบวนการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองด้วยยาเคมีบำบัดตามคอร์สมาตรฐานอีกครั้ง
โชคร้ายมาเยี่ยมเยือน..ก่อนที่จะให้คีโมประมาณ 3-4 วัน อยู่ดีๆ มีอาการไข้ขึ้น ใบหน้ากลับมาบวมเป่งอีกครั้ง คุณหมอตรวจแล้วบอกว่ายาเคมีบำบัดที่ให้มาทั้งหมด 7 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่ตอบสนองเนื่องจากมีภาวะดื้อยา เพราะตัวมะเร็งได้ขยายลุกลาม ความรู้สึกตอนนั้น คือท้อแท้กับชีวิตมาก คิดว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ แต่คำถามที่เป็นยาใจ "พ่อจะไม่สู้แล้วเหรอ"
"ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าตัวเองจะมีชีวิตยืนยาวไปได้อีกยาวนานแค่ไหน พ่อจะสู้ต่อครับ หลังจากนั้น ผมก็เดินหน้ารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดตัวใหม่ ควบคู่กับการฉายแสง รอบนี้ดีหน่อยไม่แพ้ยาเคมีบำบัด แต่มาหนักก็ตรงฉายแสงเพราะต้องฉายแสงที่หน้าตั้งใต้ตาทั้งสองข้างลงมาถึงริมฝีปากบน จำนวน 25 แสงต่อเนื่อง เพราะตอนนั้น มะเร็งลามไปที่บริเวณหัวตาข้างขวาด้วย ฉายแสงไปซักระยะ ภายในช่องปากก็มีอาการคล้ายร้อนในแต่หนักกว่ามาก ปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลา ทานได้แต่ของเหลวๆ กว่า 2 เดือน ใบหน้าของค่อยๆ เริ่มดีขึ้น แต่ประสาทสัมผัสเรื่องรสสูญเสียไปทั้งหมด แม้ว่ามะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะพรากหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างๆ ไป แต่มะเร็งก็สอนผม ให้ผมได้เรียนรู้ และสอนให้ผมเข้มแข็งกับชีวิตมากขึ้น ทุกวันนี้เวลาที่ผมต้องเจอปัญหาหนักๆ ก็ทำให้ผมมองปัญหานั้นเล็กลง และรู้ว่าเดี๋ยวผมก็สามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ และสุดท้ายผมก็จะได้พบสิ่งดีๆ ที่จะเติมเต็มพลังชีวิตเมื่อปัญหานั้นผ่านพ้นไป มะเร็งต่อมน้ำเหลือง....รักษาหายได้ แต่กำลังใจของผู้ป่วย และตัวผู้ป่วยเองเป็นสิ่งสำคัญมากถึงมากที่สุด คนรอบข้างเรา ร้อยคน พันคน มีกำลังใจให้เราเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตัวผู้ป่วยเพียงคนเดียวไม่มีกำลังใจ กำลังใจที่มีมาให้ทั้งร้อย ทั้งพัน ก็มีค่าเป็นศูนย์ หมอดี หมอเก่ง ยาดี แค่ไหน แต่ถ้าผู้ป่วยไม่ทำตามที่หมอแนะนำ ไม่ไปพบคุณหมอตามนัด ไม่ทานยาตามคุณหมอสั่ง หมอดี หมอเก่ง ยาดี ก็มีค่าเป็นศูนย์!! Unforgotten Cancer มะเร็ง..ไม่ลืม"
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit