นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล เปิดเผยว่า "ห้างเซ็นทรัล เป็นผู้ริเริ่มในการจัดงานมหกรรมนาฬิกาในห้างฯ เป็นเจ้าแรกของไทยเมื่อ พ.ศ. 2541 และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องตลอด 21 ปี ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จ และเป็นภาพจำของกลุ่มลูกค้าว่า เราคือต้นแบบของมหกรรมนาฬิกาประจำปีในประเทศไทย โดยเดินหน้ากลยุทธ์การจัดงานด้วยการตอกย้ำความเป็นที่สุด ได้แก่ การจัดงานในช่วงเวลาที่ดีที่สุด รวบรวมค่ายนาฬิกาชั้นนำภายในงานมากที่สุด จำนวนแบรนด์และมูลค่ารวมสูงที่สุด พร้อมนาฬิกาคอลเลกชั่นพิเศษมากที่สุด และข้อเสนอดีที่สุด จึงทำให้คนรักนาฬิกาต่างจดจ่อรอคอยงานของเราทุกปี รวมถึงต้องการให้มีการขยายระยะเวลาในการจัดงานให้นานขึ้น ดังนั้นในปีนี้เราจึงตัดสินใจขยายเวลาในการจัดงาน พร้อมขยายพื้นที่การจัดงาน รวมถึงเพิ่มมูลค่าและยกระดับการจัดงานให้มีความยิ่งใหญ่ขึ้น ด้วยการจัดงาน 2 ครั้ง 2 สถานที่ คือ ห้างเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งเพิ่งจัดผ่านไป โดยเน้นกลุ่มสินค้านาฬิกาประเภท Luxury Watch และ Mid Range Watch ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เราจึงต่อยอดความสำเร็จด้วยการเตรียมจัดงานมหกรรมนาฬิกาอีกครั้ง คือ งาน 'Central | ZEN World's Premier Watch & Jewellery Expo @ CentralwOrld' โดยขยายกลุ่มนาฬิกาเป็น 3 กลุ่ม คือ Luxury Watch, Fashion Watch และ Smart & Morderate Watch และเป็นปีแรกที่นำจิวเวลรี่จากแบรนด์ระดับพรีเมียมเข้ามาร่วมด้วย ที่บริเวณพื้นที่ โซนเซ็นทรัลคอร์ต ชั้น 1 ลานอีเดน 1-2 และโซนแดซเซิล ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 25 กันยายน ถึง 8 ตุลาคมนี้"
โดยการจัดงานนาฬิกาครั้งที่ 2 นี้ ไม่เพียงมีนาฬิกาเท่านั้น แต่ได้มีการสร้างแคมเปญใหม่ โดยยังคงรักษามาตรฐานต้นแบบงานนาฬิกา พร้อมยกระดับงานนาฬิกาจากที่เคยทำมาก่อน โดยขยายตลาดนาฬิกาและจิวเวลรี่บน "ทำเลที่ดีที่สุดใจกลางเมือง" มีทราฟฟิกสูง จากนักช็อปทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ดังนั้น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จึงเป็น Strategic location ที่ดีที่สุด เพราะหากพูดถึงใจกลางกรุงเทพฯ ต้องนึกถึงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจสูง ได้รับการยอมรับ และเป็นเดสทิเนชั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาประเทศไทยแล้วต้องมาที่นี่ พร้อมผนวกด้วยกลยุทธ์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการจัดงาน รับ Golden Week เพราะเป็นการเริ่มต้นไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงเวลาคึกคักที่สุดของปีสำหรับคนไทย และยังตอบรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยในช่วง Golden week คือ วันที่ 1 ตุลาคม โดยงานจะเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนเป็นต้นไป จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในด้าน Seasonal Marketing ซึ่งจากมาตรการที่คณะรัฐมนตรี ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa on Arrival: VOA) อัตราคนละ 2,000 บาท แก่นักท่องเที่ยว 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ได้คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 10% นอกจากนี้เรายังเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่ม CLMV (Cambodia, Lao, Myanmar, Vietnam) เพราะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากแนวโน้มการช็อปปิ้งของ CLMV ในเมืองไทย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ในอัตราที่เติบโตขึ้นประมาณ 5% ต่อปี
ด้านการโปรโมทงาน ชูกลยุทธ์การสื่อสารในรูปแบบ ออมนิแชนแนล คือการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งช่องทา'ออนไลน์และออฟไลน์ โดยอิงข้อมูลจาก Big Data จากบัตร The1 ของห้างเซ็นทรัลที่มีมากกว่า15 ล้านคน เพื่อการเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศจีน กลุ่ม CLMV และอีกหลายประเทศทั้งกลุ่มอาหรับ และตะวันออกกลาง เน้นสื่อสารผ่าน Facebook Global ของ Central Department Store ด้วยการสื่อสารตามภาษาต่างประเทศในแต่ละประเทศ พร้อมลงบทความประชาสัมพันธ์ ผ่านเว็บไซต์และบล็อกกว่า 100 สื่อ ในประเทศจีน เช่น Sohu (โซหู), Toutiao (โถวเถียว), Sina (ฉีหน้า) เป็นต้น ซึ่งคาดหวังผลลัพธ์การเห็นสื่อมากถึง 15-20 ล้านวิว จากการลงโปรโมทผ่านเว็บไซต์เหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีส่งสารผ่านสื่อของห้างเซ็นทรัลเอง ได้แก่ WeChat OA หรือ E-mail ผ่านฐานลูกค้า The 1 โดยจะมุ่งสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวครอบคลุม 360 องศา ตลอดระยะเวลาการจัดงานจนถึงสิ้นสุดการจัดงาน ทั้งนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ยังได้ช่วยสนับสนุนการสื่อสารให้ครบวงจรยิ่งขึ้น โดยทุกพื้นที่ของเซ็นทรัลเวิลด์ จะมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ รวมทั้งด้านหน้าศูนย์การค้า จะแสดงข่าวประชาสัมพันธ์อย่างยิ่งใหญ่ บนจอ PanOramix จอดิจิทัลอินเตอร์แอคทีฟใหญ่ที่สุดในโลก
"ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ จึงทำให้มั่นใจได้ว่า การจัดงาน 'Central | ZEN World's Premier Watch & Jewellery Expo @CentralwOrld' ซึ่งมีปัจจัยที่ส่งเสริมในการสร้างยอดขาย และสร้างเทรนด์ให้กับกลุ่มลูกค้าได้ สำหรับงานนาฬิกาของห้างเซ็นทรัลทั้งที่เซ็นทรัลชิดลม และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้รวม 800 ล้านบาท" นางสาวปิยวรรณ กล่าว
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เราเชื่อมั่นว่าการจัดงานที่เซ็นทรัลเวิลด์ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับงานนาฬิการวมจิวเวลรี่ของเซ็นทรัลให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ระดับ Signature ของประเทศที่บรรดา Watch Lover ทั่วโลกต้องมา เพราะเซ็นทรัลเวิลด์ถือว่าเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิต (Centre of Life) ที่จับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคนี้ได้อย่างตรงจุด และยังเป็น "Landmark" สำคัญในการจัดงานใหญ่ๆ ตลอดทั้งปี โดยมีทราฟฟิกลูกค้าไม่ต่ำกว่าวันละ 150,000 คน และเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ แบ่งเป็นลูกค้าต่างชาติประมาณ 30% โดยนักท่องเที่ยวจีนมีมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะมีทราฟฟิกในช่วงการจัดงานนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับช่วงวันหยุดยาวประจำปี (Golden Week) ของจีนอีกด้วย"
"สำหรับสินค้าที่มาจำหน่ายในงานครั้งนี้ ถือว่าพิเศษจริงๆ เป็นฟินาเล่ยิ่งใหญ่ปิดท้ายปี 2019 โดยจะเป็นนาฬิกาล็อตใหม่ และคอลเลกชั่นใหม่ที่เปิดขายเป็นครั้งแรกที่นี่ รวมทั้งรุ่นลิมิเต็ดที่นักสะสมรอคอยอยู่อีกหลายแบรนด์ ส่งตรงจาก 2 งานแสดงนาฬิการะดับโลกอย่าง บาเซิลเวิลด์ 2019 (BaselWorld) และ เอสไอเอชเอช (SIHH) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาวางขายเพิ่มในงานนี้ นอกจากนี้ยังมีบางโปรโมชั่นที่มอบพิเศษเฉพาะลูกค้าในงานที่เซ็นทรัลเวิลด์เท่านั้น"
เหล่าคนรักนวัตกรรมเรือนเวลาสามารถไปอัปเดต และช็อปปิ้งงาน Central | ZEN World's Premier Watch & Jewellery Expo @CentralwOrld ที่มาพร้อมด้วยโปรโมชั่นคุ้มที่สุดแห่งปี
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยว อาทิ โปรโมชั่นห้าง รายการ "Tourist WOW" เมื่อช็อปครบ 10,000 บาท รับคูปองเงินสดมูลค่า 300 บาท, ครบ 20,000 บาท รับคูปองเงินสดมูลค่า 700 บาท, ครบ 50,000 บาท รับคูปองเงินสดมูลค่า 2,000 บาท นอกจากนี้เมื่อลูกค้าช็อปครบ 8,888 บาท รับส่วนลดทันทีสูงสุดถึง 1,388 บาท จากยูเนี่ยนเพย์ เมื่อจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดในแอพพลิเคชั่นยูเนี่ยนเพย์ และยังได้ร่วมมือกับ อาลีเพย์ (Alipay) ช่องทางการชำระเงินยอดนิยมของคนจีน ที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก และกว่า 700 ล้านคนที่เป็นคนจีน ทำให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยให้กับลูกค้าคนจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งโปรโมชั่นพิเศษของอาลีเพย์ในช่วง Golden Week คือ รับส่วนลดเพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 580 บาท เมื่อช็อปครบ 4,000 บาท โดยลูกค้าสามารถกดรับคูปองได้เลยผ่านแอพอาลีเพย์
*หมายเหตุ เทรนด์นาฬิกาจากบาเซิลเวิลด์ที่มาแรงในปีนี้ มี 5 เทรนด์ ได้แก่
1. Vintage Inspired ที่ได้รับความนิยมจากคนรักนาฬิกาทุกสมัย ขณะเดียวกันแบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ต่างก็นำดีไซน์อันเป็นตำนาน กลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้ง ให้โฉบเฉี่ยว รวมถึงดีไซน์หน้าปัดให้มีขนาดเล็กลง และสืบทอดซีรีส์รุ่นคลาสสิกให้เป็นที่รู้จักในทุกเจนเนอเรชั่น
2. 3D Innovation แบรนด์นาฬิกาชั้นนำต่างนำเสนองานฝีมือของช่างนาฬิกา ที่สร้างสรรค์กลไก กับนวัตกรรมใหม่ๆจนกลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของแบรนด์นั้นๆ
3. Infusion of Color เทรนด์นาฬิกาหวนกลับไปหาดีไซน์หน้าปัดที่นำเอาเฉดสีมาไว้บนเรือนเวลา โดยในปีนี้เน้นไปที่นาฬิกากลุ่มสีเขียว น้ำเงิน หรือการใช้การประสานสี เพื่อสะท้อนความต้องการของผู้สวมใส่ที่มากขึ้น
4.Useful Functions นาฬิกาบนข้อมือที่บอกฟังก์ชั่นสำหรับผู้สวมใส่ตามไลฟ์สไตล์ รวมถึงออกแบบฟังก์ชั่นให้มีลูกเล่นและดีไซน์ให้เป็นมากกว่านาฬิกา หรือมีประโยชน์การใช้งานที่มากขึ้น
5.High-Tech Materials นำเสนอการใช้วัสดุใหม่ที่แตกต่างและแปลกใหม่ โดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อให้ได้สิ่งที่ไม่มีใครทำในตลาดนาฬิกา"
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit