TISCO Market Insight (22/07/2019) : TISCO Corporate Day

22 Jul 2019
สรุปภาวะตลาดวันก่อน: SET +11.66 จุด FED ส่งสัญญาณลดดบ.เชิงรุก

SET เปิดกระโดดขึ้นและแกว่งแดนบวกตลอดทั้งวันในกรอบ 1732-38 ขานรับปธ.FED สาขานิวยอร์กส่งสัญญาณลดดบ.เชิงรุก โดยจะไม่รอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วค่อยลดดบ. ประกอบกับ Fitch ปรับมุมมองไทยขึ้นเป็น "Positive" ต่างชาติพลิกขายสุทธิ 870 ลบ. ยุติซื้อ 7 วัน และพลิก Short S50 Futures 9,073 สัญญา ยุติ Long 3 วัน n

ทิศทางตลาดวันนี้: ไซด์เวย์ ปธ.FED นิวยอร์กระบุไม่ได้ชี้นำการประชุมสิ้นเดือนนี้

หุ้นโลกวันศุกร์ (19 ก.ค.) ปิดผสมผสาน โดยหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับขึ้น ขานรับถ้อยแถลงของปธ.FED สาขานิวยอร์กที่ส่งสัญญาณลดดบ.เชิงรุก และได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดมากขึ้น หลังอิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ พลิกร่วง หลังปธ.FED สาขานิวยอร์กออกมาชี้แจ้งว่า การกล่าวสุนทรพจน์ในวันพฤหัสที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการบ่งชี้การดำเนินนโยบายของ FED ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. ส่งผลให้ตลาดพลิกกลับมาประเมินโอกาส FED จะลดดบ. 0.50% ในการประชุมสิ้นเดือนนี้ เหลือเพียง 16% จากเดิม 34% ในวันก่อนหน้า หนุน Bond Yield และเงินดอลลาร์ฯ ดีดตัวขึ้น น่าจะกดดันตลาดหุ้น EM ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย อย่างไรก็ดี เรามีปัจจัยบวกเฉพาะ หลัง Fitch ปรับมุมมองไทยเพิ่มขึ้นเป็น "Positive" เป็นผลดีต่อแนวโน้ม Fund Flows ไหลเข้าในระยะถัดไป สำหรับการประกาศงบแบงก์ Q2 ทั้ง 8 แห่งที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรา มีกำไรสุทธิรวม 5.03 หมื่นลบ. โดยรวมสอดคล้องกับที่เราคาดไว้ 4.93 หมื่นลบ. (% Surprise = +2%) โดยแบงก์ที่มีกำไรดีกว่าคาด - KTB, TCAP / ตามคาด - BAY, BBL, KBANK, SCB แย่กว่าคาด คือ KKP, TMB สัปดาห์นี้แนะติดตามตัวเลขส่งออกของไทยเดือน มิ.ย. จะแถลงในวันที่ 22 ก.ค., ตัวเลข PMI ภาคการผลิตทั่วโลกในวันที่ 24 ก.ค., การแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ในวันที่ 25-26 ก.ค., การประชุม ECB ในวันที่ 25 ก.ค. และตัวเลข GDP Q2 ครั้งแรกของสหรัฐฯ ในวันที่ 26 ก.ค. แนวรับ 1725-30 แนวต้าน 1740+/-, 1748 อนึ่ง MACO-W2 ติด Cash Balance 22 ก.ค. – 30 ส.ค.

กลยุทธ์การลงทุน: หาจังหวะสะสมช่วงอ่อนตัว, เก็งกำไรในกรอบ 1715-50

ตราบใดที่ SET ยังไม่ปิดเหนือระดับ 1750 มองยังแกว่งพักฐานในกรอบหลัก 1715-50 / แนะหาจังหวะเก็งกำไรตามกรอบแนวรับ-แนวต้าน ลงซื้อ-ขึ้นขาย โดยใช้ SET ปิดต่ำกว่า 1715 เป็นจุด Stop Loss ของการเก็งกำไรระยะสั้น

ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick PLANB – คาดกำไร 2Q19F ที่ 193 ลบ. +26% YoY และ +25% QoQ จากการรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการขยายสื่อใหม่, มองสื่อโฆษณานอกบ้านยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการพัฒนาสื่อรูปแบบใหม่ๆ ผสานกับ PLANB มีการขยายสื่อในตปท. คาดจะหนุนรายได้เติบโตได้ปีละ 15-20% ตามเป้าที่บ.ตั้งไว้, เราปรับเป้าพื้นฐานใหม่เป็นปีหน้ามาที่ 9.7 บ. ยังแนะนำ "ซื้อ" / หุ้นรับอานิสงส์จัดตั้งรัฐบาล ด้านบริโภค - CPALL, BJC, ROBINS, AEONTS ด้านลงทุน - AMATA, ROJNA, WHA, EASTW, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, PYLON ด้านท่องเที่ยว – AOT, MINT, CENTEL, ERW / หุ้นขนาดใหญ่คาดจะได้ประโยชน์จากเงินตปท.ไหลเข้า – BBL, INTUCH, MINT, TU / หุ้นปันผลเด่น (Div. Yield > 5% ต่อปี) – ANAN, ASP, DIF, INTUCH, JASIF, KAMART, KKP, LH, LPN, MC, QH, ROJNA, SIRI, SPALI, TKS, TPIPP, TVO / ทยอยสะสมหุ้นคาดกำไรปกติ Q2 โต YoY มีปันผลระหว่างกาล – AMATA, BAY, BCH, BGRIM, CBG, CK, CPF, GGC, EASTW, EGCO, EKH, HMPRO, M, MAJOR, PYLON, RJH, ROJNA, SEAFCO, SPALI, TASCO, TFG, TPIPP ไม่มีปันผลระหว่างกาล CPALL, GFPT, GULF, GUNKUL, MINT, PLANB, PTG, STEC, THANI, VNT, WHA

หุ้นเด่น ก.ค. (Smart Tactics) BBL, CK, EASTW, GPSC, INTUCH, LH, MAJOR, SCCC

หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง BTS, CK, EASTW, KTC, PLANB, ROJNA n

BAY : ผลประกอบการตามคาด

ผลประกอบการตามคาด

ผลประกอบการ 2Q19 ของ BAY เพิ่มขึ้น 12% YoY เป็น 7.01 พันล้านบาท ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 3% และ 1% ตามลำดับ โดยผลประกอบการที่ลดลง QoQ มาจากฐานที่สูงจากการขายบริษัทลูกเงินติดล้อ

รายได้เติบโตดี

รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 1% YoY แม้ว่าจะไม่มีเงินติดล้อรวมในงบ (บริษัทเหลือหุ้น 50%) กลายเป็นวิธีส่วนได้เสียทำให้ NIM ลดลงจากเดิม 3.70% เป็น 3.47% ในขณะที่สินเชื่อเพิ่มขึ้น 6.9% YoY

รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 4% YoY จากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อและธุรกิจกองทุนรวม และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 19% จากการปรับประเภทของเงินติดล้อ

Opex กลับสู่ระดับปกติลดลง 31% QoQ/+9% YoY เนื่องจากตั้งสำรองไปหมดแล้วในไตรมาสก่อน

คุณภาพสินทรัพย์ไม่น่าเป็นห่วง

คุณภาพสินทรัพย์ยังไม่น่าห่วงแม้ว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอ แม้ NPL ขั้นต้นจะทรงตัว แต่สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นทำให้ NPL ลดลงเป็น 2.18 จากเดิม 2.25% และบริษัทยังคง Credit Cost ที่ 155 bps

เราแนะนำให้ "ถือ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 39 บาท (GGM)

KBANK : ผลประกอบการโดยรวมตามคาด

ผลประกอบการ 2Q19 ตามคาดที่ 9.93 พันล้านบาท ลดลง 9% YoY และ 1% QoQ ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย

รายได้เพิ่มขึ้น

รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6% YoY จากสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้น 5.2% YoY โดยที่ผู้บริหารมองว่า การกู้เงินผ่านระบบดิจิทัลเริ่มมีความนิยมมากขึ้นโดยที่เป้า 1 หมื่นล้านบาท ในปีนี้มีความเป็นไปได้ และมีอุปสงค์สำหรับสินเชื่อไม่มีหลักประกันมากกว่าที่ธนาคารคาดไว้ถึง 5 เท่า แต่ KBANK ยังเฝ้าระวัง NPL ไม่ให้เพิ่มขึ้น

รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ อีกทั้งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 4.8 พันล้านบาท เป็น 5.4 พันล้านบาท

KBANK ไม่มีแผนในการขายธุรกิจประกัน แม้การแข่งขันจะเพิ่มขึ้น

Opex เพิ่มขึ้น 16% YoY จากการตั้งสำรองแรงงาน และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น

คุณภาพสินทรัพย์แย่ลงเล็กน้อยแต่ไม่น่าห่วง

NPL คงที่ 3.98% หลังมีการตัดจำหน่าย 9.1 พันล้านบาท แต่มี NPL Formation เพิ่มขึ้นมาในอัตราที่เท่ากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น NPL เก่า ทำให้ไม่ต้องมีการตั้งสำรองเพิ่ม และสินเชื่อปรับโครงสร้างอยู่ที่ 6.79 หมื่นล้านบาท โดยมีเป้าทั้งปีที่ 165 bps จากปัจจุบันที่ 157 bps แสดงให้เห็นว่า NPL ยังไม่น่ากังวล

เราแนะนำให้ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 225 บาท (GGM)

KKP : ผลประกอบการน่าผิดหวังจาก Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น

ผลประกอบการต่ำกว่าคาด 6%

KKP รายงานผลประกอบการ 2Q19 ที่ 1.47 พันล้านบาท ฟื้นตัวขึ้น 20% QoQ แต่ลดลง 5% YoY ต่ำกว่าคาด 6% จากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น 19% หรือ 105 bps จาก NPL ที่เพิ่มขึ้น 4.21%

คุณภาพสินเชื่อแย่ลงในทุกด้าน

NPL ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบุคคลรวมถึงบ้าน โดย MD&A ได้เผยว่า Credit Cost ที่แท้จริงอยู่ที่ 148 bps สูงกว่าปกติที่ 120 bps ซึ่งเราเชื่อว่ามาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และด้วยเหตุนี้ทำให้ธนาคารต้องมีการชะลอการปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่ๆ ทำให้สินเชื่อรวมลดลง 9.9% YoY จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 14.4% ในไตรมาสก่อน

กำไรจากเงินลงทุนฟื้นตัวขึ้น

แม้ว่ารายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ จะอ่อนแอ แต่ตลาดทุนที่ฟื้นตัวขึ้นทำให้มีกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน 462 ล้านบาท จากเดิมที่ขาดทุน 107 ล้านบาทในไตรมาสก่อน

เราแนะนำให้ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 84 บาท

KTB : ยังไม่มีแนวโน้มการลงทุนด้าน IT

ผลประกอบการดีกว่าเราและตลาดคาด 33%/11%KTB รายงานผลประกอบการ 2Q19 ที่ 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%/12% เนื่องมาจาก 1) การปรับลด Credit Cost ลงจาก 145bps เป็น 109bps และ 2) OPEX ที่ต่ำกว่าคาดลดลง 16% QoQ จากเดิมที่เราคาดว่าจะคงที่

ไม่ชัดเจนว่าจะสามารถรักษาผลตอบแทนได้

KTB มีการปรับลด Credit Cost แม้ว่า NPL จะฟื้นตัวขึ้นไม่มากนัก และ NPL ขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1% QoQ เป็น 1.07 แสนล้านบาท แต่ด้วยสินเชื่อรวมที่เพิ่มขึ้น 5.4% YoY ทำให้ NPL ลดลง 1 bps เป็น 5.2% แต่เราเชื่อว่าบริษัทจะไม่สามารถรักษาระดับของการเติบโตได้

บริษัทยังไม่มีการบันทึกเงินลงทุนด้านระบบ IT ทั้งปีที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (เราคาดใน 2Q19 ที่ 5 พันล้านบาท) ทำให้ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

รายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

ข่าวดีของบริษัทคือ รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรที่ดีขึ้น ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมคงที่ หนุนโดยธุรกิจกองทุนรวม และธุรกิจในต่างประเทศ

เราแนะนำให้ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 21.20 บาท (GGM)

KTC : การดำเนินงาน 2Q19 ตามคาดเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

ประเด็นสำคัญ :

  • ในวันศุกร์ที่ผ่านมา KTC รายงานผลประกอบการ 2Q19 ที่ 1.32 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 15% แต่เป็นไปตามที่เราคาด
  • ในด้านกำไรก่อนการตั้งสำรองเติบโตตามที่เราคาดไว้ที่ 6.9% YoY จากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 7.1% YoY และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ 3.9% YoY ด้านค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4.2% YoY จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในการหาลูกค้าใหม่ๆ
  • ผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดมาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น แม้ว่า NPL จะยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม ในเชิงสัมบูรณ์แล้วการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 12.2% YoY และ 14.3% QoQ เป็น 1.56 พันล้านบาท (เราคาดไว้ที่ 1.37 พันล้านบาท) ในขณะที่ NPL ลดลงเป็น 1.13% ในช่วง 2Q19 จากเดิม 1.18% ใน 1Q19 จากการตัดจำหน่ายในเชิงรุก
  • การตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 624% ในช่วง 2Q19 จากเดิม 605%
  • การฟื้นตัวของหนี้เสียเป็นไปตามคาด โดยลดลงเพียง 6.1% YoY และ 13.7% QoQ เป็น 818 ล้านบาท
  • สำหรับ 1H19 ผลประกอบการเพิ่มขึ้น 15.8% YoY เป็น 2.9 พันล้านบาท คิดเป็น 47% จากประมาณการทั้งปีของเรา

มุมมองของเรา :

  • แม้ว่าผลประกอบการจะต่ำกว่าตลาดคาด แต่ในด้านของรายได้จากดอกเบี้ย และกำไรก่อนการตั้งสำรองนั้น ทำได้ตามคาด
  • เราไม่คาดว่าจะมีการฟื้นตัวของหนี้เสียอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2019-20F คาดการเติบโตที่ 10.7% - 5.4% ในปี FY19-20F ในกรณีที่แย่สุดการฟื้นตัวของหนี้เสียจะคงที่ในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 4% ในปี 2020F เราคาดผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 15.7% และ 13.3% ในปี 2019-20F แต่จะทำให้มูลค่าที่เหมาะสมลดลง 2 บาท เราแนะนำให้ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 48 บาท (GGM)

กระแสข่าวเด่นในประเทศ

CI : ปรับกลยุทธ์รับมือวิกฤติอสังหา รุกตลาดไฮเอนด์-สร้างมูลค่าเพิ่ม

CI ปรับกลยุทธ์รุกสินค้าไฮเอนด์ จับกลุ่มลูกค้าระดับบน สร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงออกสินค้าใหม่ไทม์แชริ่งกระตุ้นกำลังซื้อ ลุยเปิดโครงการใหม่และขยายโครงการเดิมรวม 6 โครงการ หวังสร้างรายได้หนุนการเติบโตในอนาคต เล็งขายสินทรัพย์เข้ากองทุน มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ในปลายปีนี้ (ทันหุ้น)

EVER : โกยพรีเซลครึ่งปี 3.8 พันล. ลุยซื้อที่ดินผุด 3 โครงการในครึ่งปีหลัง

EVER เผยครึ่งปีแรกกวาดยอดขาย 3,800 ล้านบาท พร้อมคงเป้าทั้งปี 5,000 ล้านบาท ลุยซื้อที่ดินเพิ่มพัฒนา 3 โครงการ ในครึ่งปีหลัง มั่นใจงบปีนี้โตก้าวกระโดด หลังตุนแบ็กล็อก 2,000 ล้านบาท และสต๊อก 9,857 ล้านบาท (ข่าวหุ้น) n

HPT : มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่ง 200 ล้าน เตรียมบุ๊กตลาดลาว-อิตาลี-เนเธอร์แลนด์

HPT แง้มงบ Q2 สวย ! ขานรับปริมาณการขายโต-บุ๊กยอดขาย CHL ลั่น Q3 ยอดขายพีกสุด ส่องครึ่งปีหลังออเดอร์แน่น ! รับอานิสงส์เทรดวอร์-กำลังซื้อขยายตัว เตรียมบุกตลาดลาว-อิตาลี-เนเธอร์แลนด์ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20-30% แตะ 200 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)

PTT : จ่อป้อนก๊าซ RATCH ลุยผลิตไฟฟ้า 1,400 MW

PTT ลั่นพร้อมเซ็นขายก๊าซ 200-240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันให้กับ RATCH อายุสัญญา 25 ปี เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าภาคตะวันตก 1,400 เมกะวัตต์ หลัง RATCH ลงนาม PPA กับกฟผ.เรียบร้อยแล้ว (ข่าวหุ้น)

SITHAI : ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 3% เล็งผุดโรงงานที่เวียดนามเพิ่ม

SITHAI คงเป้ารายได้รวมปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3% ชูคุมต้นทุนการผลิต ลดปริมาณการผลิตสินค้าใหม่ แย้มแผนปี 63 เตรียมทุ่มงบ 200 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตที่เมืองโฮจิมินห์ เวียดนาม เพิ่มอีก 1 แห่ง (ข่าวหุ้น) n

SUPER : ข่าวดี Q3 COD เพิ่ม 50 MW ขายกองทุนวันนี้

SUPER ส่งซิกผลงาน Q2 เด้ง! รับยอด COD กว่า 964.72 MW ลั่น Q3 จ่อ COD โซลาร์ฯเวียดนาม 50 MW เล็งประมูลโซลาร์ฯมาเลเซีย 200-300 MW ส.ค.-ก.ย.นี้ ส่วนกองทุน SUPEREIF เปิดขายหน่วยวันที่ 22-26 ก.ค.และ 30-31 ก.ค.นี้ (ข่าวหุ้น)

TPOLY : คว้างาน 990 ล. เติม Backlog รับรู้ยาว ส่งซิกครึ่งหลังแววดี

TPOLY เผยกิจการร่วมค้าทีพีซีไอ ได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน นนทบุรี มูลค่า 990.07 ล้านบาท เติม Backlog เพิ่มจากปัจจุบันอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท อีกด้วย (ทันหุ้น)

VCOM : บุกเมียนมาปั๊มงบโดด เปิดฉากชิงงานใหม่ 600 ล้าน

VCOM ปูพรมตลาดต่างแดนเชื่อปีนี้โตก้าวกระโดด รับอานิสงส์เมียนมา-กัมพูชาเปลี่ยนระบบไอที ยึดมาร์เก็ตแชร์เมียนมา 80-90% คาดกวาดงานแบงก์ใหญ่ได้ 5 ราย โกยยอดขายกว่า 400 ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีวิ่งชนเป้า 2.3 พันล้านบาท พร้อมร่อนเอกสารประมูลงานใหม่ 500-600 ล้านบาท (ทันหุ้น)

กระแสข่าวเด่นต่างประเทศ

จีนและสหรัฐจะเจรจาตัวต่อตัวเร็วๆ นี้ หลังหารือทางโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ชี้ เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ อาจจะเจรจาตัวต่อตัวในเร็ว ๆ นี้หลังจากที่มีการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนเผย ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับแนวทางที่จะสนับสนุนฉันทามติที่ประธานาธิบดีของสองประเทศได้ทำไว้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ (ข่าวหุ้น)

ญี่ปุ่นเผยดัชนี CPI พื้นฐานเดือนมิ.ย.ขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังราคาน้ำมันร่วง

กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดเนื่องจากมีความผันผวน ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 30 อย่างไรก็ตาม ดัชนี CPI พื้นฐานเดือนมิ.ย.ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2560 และยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งกำหนดไว้ที่ 2% โดยมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงฯ ว่า ราคาน้ำมันเบนซินในเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นปัจจัยถ่วงราคาน้ำมันดิบ (อินโฟเควสท์)

พรรครัฐบาลของ "อาเบะ" คว้าชัยเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาญี่ปุ่น

พรรคแอลดีพีซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่นที่นำโดยนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ คว้าชัยในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยพรรครัฐบาลได้คะแนนเสียง 63 ที่นั่งจาก 124 ที่นั่งในการเลือกตั้งวานนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคได้กำหนดไว้เป็นเส้นแบ่งระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างไรก็ดี คะแนนรวมของพรรคแอลดีพีและพรรคโคเมอิโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพนิยม แม้ว่านายอาเบะได้คาดหวังเอาไว้ว่าจะพยายามรักษาฐานเสียงในสภาเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านนโยบาย ซึ่งรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครทั้งสิ้น 370 คน เพื่อชิงเก้าอี้ 124 ที่นั่งจากทั้งหมด 245 ที่นั่งในสมาชิกวุฒิสภา นอกจากนี้ การเลือกตั้งยังเกิดขึ้นขณะที่การดำรงตำแหน่ง 6 ปีครึ่งของสมาชิกวุฒิสภาจำนวนครึ่งหนึ่งจะหมดวาระในวันที่ 28 ก.ค.นี้ (อินโฟเควสท์)

'เฟด' อาจลดดอกเบี้ยถึง 0.50%

ความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เกิดการคาดการณ์มากขึ้นว่า "เฟด" อาจลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ในปลายเดือนนี้ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัวดีกว่าที่คาด และผู้บริโภคในสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณแข็งแกร่ง (ข่าวหุ้น)

ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค.

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับ 98.4 ในเดือนก.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.5 จากระดับ 98.2 ในเดือนมิ.ย. ก่อนหน้านี้ ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งแตะระดับ 102.4 ในช่วงต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แต่เป็นการสำรวจก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนดังกล่าว ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล (อินโฟเควสท์) nมีบริษัทแม่ดูแลให้ทำตามกฎหมายบริษัทรับรองตนเองว่า มีบริษัทแม่ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับกฎหมาย Bribery Act หรือกฏหมายอื่นทำนองเดียวกันที่ให้บริษัทแม่ต้องรับผิดชอบการให้สินบนของบริษัทย่อยในต่างประเทศด้วย โดยการดูแลดังกล่าวครอบคลุมถึง การกำหนดนโยบาย แนวปฏิบัติ และการตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามนโยบาย/ แนวปฏิบัติดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอด้วย

Disclaimer

ข้อมูลบริษัทที่เข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (Thai CAC) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2561)

เนื่องจากผลสำรวจหรือผลการประเมินดังกล่าวเป็นเพียงผลสำรวจหรือผลการประเมิน ณ วันที่ปรากฏในผลสำรวจหรือผลการประเมินเท่านั้น ดังนั้น ผลสำรวจหรือผลการประเมินจึงอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าว หรือเมื่อข้อมูลที่เกี่ยวข้องมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ มิได้ยืนยัน ตรวจสอบ หรือรับรองความถูกต้องครบถ้วนของผล ผลสำรวจ หรือผลการประเมินดังกล่าวแต่อย่างใด

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชน หรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit