โดยแบ่งเป็นวาระเร่งด่วน คือ
1. เร่งเติมน้ำในเขื่อนและพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งโดยปฏิบัติการฝนหลวง ได้มอบหมายอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเป็นแม่งานบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ได้มีการขอรับการสนับสนุนอากาศยานเพิ่มจำนวน 6 ลำ จากกองทัพบก 1 ลำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ลำ และกองทัพอากาศ 4 ลำ ซึ่งสามารถขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงได้ทันที
2. เตรียมการเยียวยาความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ รวมพืชผลทางการเกษตรทุกประเภท โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย กรมการข้าวเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์ข้าวจ้าวสำรองไว้แล้วจำนวน 10,000 ตัน รวมทั้งพิจารณาให้เกษตรกรปลอดการชำระหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 61 - 31 ก.ค. 64 รวมถึงเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการสามารถขอขยายเวลาปรับตารางชำระ พักหนี้ได้ 1 รอบปีการผลิต
นอกจากนี้ ในระยะยาวได้เตรียมวางแผนในการแก้ปัญหาภัยพิบัติ โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทานเตรียมปรับแผนการบริหารจัดการน้ำ เพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค การเกษตร และรักษาระบบนิเวศน์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้เพียงพอ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนการให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ รองรับเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติด้วย.