นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย กล่าวว่า ผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เกิดจากการที่จ๊อบไทย แพลตฟอร์ม ได้สร้างประสบการณ์ในการหางาน สมัครงาน ค้นหาบุคลากรที่สะดวกและตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น
นางสาวแสงเดือน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาพฤติกรรมการหางาน สมัครงาน ของผู้ใช้งานจ๊อบไทยในครึ่งปีแรกพบสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้
นอกจากนี้ จ๊อบไทยยังได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลงานเพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานและพฤติกรรมความต้องการของผู้สมัครงานทั่วประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ดังนี้
5 กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุด
1.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 76,204 อัตรา เนื่องมาจากภาคการท่องเที่ยวที่มีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมตรวจลงตราหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังคงมีการขยายตัว โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดสูงสุด คือ จีน มาเลเซีย และอินเดียตามลำดับ (ที่มา:กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เกิดจากความต่อเนื่องของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย
2.ธุรกิจยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ จำนวน 58,481 อัตรา ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี ซึ่งกลุ่มยานยนต์รวมอยู่ด้วย ด้านทรัพยากรบุคคลจึงมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของแรงงาน เช่น กลุ่มวิศวกร และช่างเทคนิคให้มีความพร้อมมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนนี้
3.ธุรกิจบริการ จำนวน 56,893 อัตรา เนื่องจากการขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกับธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ทำให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ มารองรับมากขึ้น ตลอดจนการใช้ชีวิตและกิจกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดบริการใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น
4.ธุรกิจก่อสร้าง จำนวน 49,631 อัตรา มีปัจจัยจากการเติบโตต่อเนื่องของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและการก่อสร้าง ซึ่งเป็นผลจากการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมถึงการก่อสร้างภาคเอกชน ทำให้ความต้องการบุคลากรในประเภทธุรกิจนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
5.ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 49,365 อัตรา การบริโภคยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกมีการปรับตัวหลายด้าน ทั้งการพัฒนารูปแบบร้านค้า การเพิ่มความหลากหลายทั้งสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น
5 สายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด อันดับหนึ่ง งานขาย คิดเป็น 18.6% อันดับสอง งานช่างเทคนิค คิดเป็น 10.1% อันดับสาม งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 7.1% อันดับสี่ งานธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 6.5% อันดับห้า งานวิศวกรรม คิดเป็น 5.8% ซึ่งมีอัตราการเปิดรับทั้งหมดโดยเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 135,069 อัตรา
5 สายงานที่มีผู้สมัครมากที่สุด พบว่า งานธุรการ/จัดซื้อ มีการสมัครสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 13.22% อันดับสอง งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 10.50% อันดับสาม งานขาย คิดเป็น 8.12% อันดับสี่ งานทรัพยากรบุคคล คิดเป็น 7.10% อันดับห้า งานวิศวกรรม คิดเป็น 6.48% ของผู้สมัครทั้งหมด
เปรียบเทียบความต้องการจากฝั่งองค์กรและความนิยมในการสมัครงาน พบว่า งานที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุด คือ นำเข้า-ส่งออกและทรัพยากรบุคคล มีการแข่งขันสูงเป็นอันดับ 1 เท่ากัน โดยมีการแข่งขันอยู่ที่ 4.79 คน ต่อ 1 อัตรา อันดับสอง วิทยาศาสตร์/วิจัยพัฒนามีอัตราการแข่งขันอยู่ที่ 4.44 คน ต่อ 1 อัตรา อันดับสาม สิ่งแวดล้อม มีอัตราการแข่งขันอยู่ที่ 3.12 คน ต่อ 1 อัตรา และอันดับสี่ เลขานุการ อัตราการแข่งขัน 3.05 คน ต่อ 1 อัตรา
นางสาวแสงเดือน กล่าวต่อว่า หลังจากจ๊อบไทยได้ทำการเปิดตัวจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชัน เวอร์ชันใหม่ออกมาในช่วงเดือนมกราคม พบว่า ในครึ่งปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน จำนวน 782,551 คน ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานที่มีอายุ 25-34 ปี มีสัดส่วนการใช้งานสูงสุด คิดเป็น 49.56% ในขณะที่อันดับสอง เป็นผู้ใช้งานที่มีอายุอยู่ในช่วง 18-24 ปี ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับอันดับที่หนึ่ง คิดเป็น 40.02% ผู้ใช้งานช่วงอายุ 35-44 ปี มีสัดส่วนการใช้งาน คิดเป็น 9% ช่วงอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนการใช้งาน คิดเป็น 1.42%
โดยจำนวนใบสมัครถูกส่งผ่านจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชัน มากถึง 2,306,292 ครั้ง จากจำนวนผู้สมัคร 318,890 คน ซึ่งในจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชัน เวอร์ชันใหม่ได้เพิ่มวิธีในการสมัครงานจากเดิมที่มีการสมัครงานผ่านปุ่ม สมัครด่วน (Apply Now) และการส่งอีเมล (Send Email) ผ่าน Trust Mail อีก 2 วิธี คือการอัปโหลดไฟล์ประวัติ (Upload Files) และการกรอกประวัติแบบย่อ (Easy Form) รวมกันเป็น 4 วิธีให้ผู้ใช้งานเลือกวิธีการสมัครงานที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และสาขาอาชีพที่ตนเองต้องการ ซึ่งวิธีการสมัครงานที่ผู้ใช้งานนิยมใช้มากที่สุด ได้แก่ สมัครด่วน (Apply Now) คิดเป็น 67.1% อันดับสอง อัปโหลดไฟล์ประวัติ (Upload Files) คิดเป็น 16.2% อันดับสาม กรอกประวัติแบบย่อ (Easy Form) คิดเป็น 10.6% อันดับสุดท้าย การส่งอีเมล (Send Email) คิดเป็น 6.2% ของจำนวนการส่งใบสมัครงานผ่านแอปพลิเคชันทั้งหมด
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาในจ๊อบไทย โมบาย แอปพลิเคชัน เวอร์ชันใหม่ คือ จ๊อบส์ เนียร์ มี (Jobs Near Me) ฟีเจอร์ค้นหางานที่อยู่บริเวณใกล้ตัวหรือสามารถกำหนดพิกัดเพื่อค้นหางานที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งจะแสดงผลในรูปแบบแผนที่ โดยมีผู้ใช้งานฟีเจอร์นี้มากกว่าเดือนละ 60,000 คน
"ข้อมูลภาพรวมความต้องการของตลาดแรงงานและความต้องการขององค์กรตลอดจนพฤติกรรมการหางาน สมัครงาน แสดงให้เห็นถึงภาพการจ้างงานที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย และเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สำหรับองค์กรควรเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเรื่องบุคลากร ส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะความสามารถที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันคนทำงานควรพัฒนาศักยภาพให้มีประสิทธิภาพพร้อมในการทำงานอยู่เสมอเพื่อต่อยอดไปสู่การทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และสามารถตอบสนองตลาดแรงงานในอนาคตได้" นางสาวแสงเดือน กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่จ๊อบไทย (JobThai) โทรศัพท์ 02-353-6999 หรือเข้าไปที่ www.jobthai.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit