มาดูกันว่าคำถามที่จ๋า - สุดาพิมพ์ เจอบ่อยเกี่ยวกับมิวสิคัลมีอะไรกันบ้าง !
ทำไมมิวสิคัลแพงจัง ?
การแสดงละครเวทีคนดูจะเห็นนักแสดงแค่ 2 ชั่วโมงที่อยู่บนเวที แต่ที่จริงเราใช้คนเป็นร้อยที่อยู่เบื้องหลัง พวกเราใช้เวลาในการซ้อมเยอะมาก ธรรมชาติของละครเวทีไม่เหมือนกับหนังที่ใช้ต้นทุนสูงในการถ่ายทำครั้งเดียวแล้วครอบคลุมทุกอย่าง จะนำไปฉายอีกกี่ครั้งก็ได้ แต่สำหรับละครเวทีทุกคน ทุกฝ่าย ต้องอยู่โรงละครทุกวัน แสดงสดให้คนดูทุกวัน เล่น 10 รอบก็ไม่ซ้ำกัน มันถึงได้มีราคาสูง เมื่อเทียบหนังว่าตั๋วราคาหลัก 100 บาท
" บางทีคนมักติดกับการคาดหวังฉากที่สวย ฉากที่ใหญ่ นักแสดงที่มีคุณภาพ แต่บางครั้งมันจะมีละครเวทีที่เป็นฉากมินิมอลที่ไม่มีอะไรเลยแล้วมีไฟเป็นตารางลงมา หรือมีแค่เป็นกรอบแต่นี่คือบ้าน ก็จะได้รับฟีดแบคจากคนดูว่าฉากน้อยจัง ฉากไม่สวยเลย รู้สึกไม่คุ้ม แต่ในแง่คนทำงาน การดีไซน์ให้ฉากออกมาน้อยมันก็เป็นความยากอีกแบบหนึ่ง เลยอยากให้คนดูเปิดใจเรื่องนี้และอย่ามองว่ามีราคาแพงมันไม่คุ้มค่า"
ทำไมมิวสิคัลต้องเล่นใหญ่ ?
การแสดงละครเวทีความรู้สึกข้างในของนักแสดงต้องเยอะมากพอที่มือ หัว หรือขาของเขาจะต้องขยับ เพราะเวทีขอการแสดงมันกว้าง นักแสดงไม่มีกล้องซูม เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องบิ้วท์ความรู้สึกข้างในให้มันใหญ่กว่าเดิม เพื่อให้คนดูรู้สึกได้ แม้กระทั่งในนักแสดงที่เป็น Ensemble หรือนักร้องประสาน ยังต้องมีความรู้สึก
"นักแสดงละครเวทีทุกตำแหน่ง ทุกบทบาทต้องเรียนรู้ว่าทำยังไงให้ตนเองเคลื่อนย้ายร่างกาย เคลื่อนย้ายเพราะอะไร บทเป็นยังไงถึงต้องเดินจากจุดนึงไปยังจุดนึงเพราะฉะนั้นมิวสิคัลไมใช่การเล่นใหญ่ หรือแสดงท่าทางที่โอเวอร์ แต่นักแสดงต้องเข้าใจเหตุผลของตัวละครอย่างแท้จริงเพื่อสื่อสารออกมาได้ถึงคนดู"
มิวสิคัลดูรู้เรื่องไหม ?
เราคิดว่าในภาพรวม 10 ปีมานี้ คนเข้าใจและยอมรับมิวสิคัลมากขึ้น ดูรู้เรื่องมากขึ้น เข้าใจว่าทำไมนักแสดงมันจะต้องเดินมาแล้วร้องเพลง ส่วนตัวแล้วละครของ Be Musical เราบอกกับทีมเพลงเสมอว่าอยากให้เป็นเพลงที่ฟังง่าย เพลงที่คนมาดูรอบเดียวแล้วสามารถร้องตามได้ เพราะเราเชื่อว่าเพลงในมิวสิคัลไม่จำเป็นต้องโหนโน้ตสูง ๆ อย่างเดียว เพลงแบบนั้นคนดูจะรู้สึกว่าเพลงยากฟังแล้วไม่เข้าใจ ดูไม่รู้เรื่อง ในเมืองนอกเองก็มีหลายสไตล์ที่ฟังง่ายแล้วเป็นเพลงดังก็เยอะ เราเลยเน้นเรื่องนี้มาก ที่สำคัญเพลงทุกเพลงในมิวสิคัลต้องมีการเล่าเรื่อง เป็นการเคลื่อนไหวจากจุดหนึ่งของเรื่องไปสู่จุดหนึ่ง เรื่องต้องเคลื่อนต่อไป ตัวละครไปที่ไหนต่อ ตัวละครต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างจากการร้องเพลง ตั้งแต่เริ่มต้นเพลงจนถึงเพลงจบมันต้องเปลี่ยนให้ตัวละครเป็นอีกคนหนึ่ง ต้องเปลี่ยนความคิด ตัวละครต้องมีความรู้สึกที่เยอะพอที่จะระเบิดออกมาเป็นเพลง
เสน่ห์ของมิวสิคัลคืออะไร ทำไมคนที่เคยเล่นแล้วติดใจกันทั้งนั้น ?
มิวสิคัล เป็นศาสตร์ที่ได้เสียงตอบรับจากคนดูเลย ซึ่งเป็นเสน่หา และแตกต่างจาก ภาพยนตร์หรือละครทีวี ที่ทีมงานต้องมานั่งตามใน Social ว่าฟีดแบคว่าเป็นอย่างไรเขาชอบการแสดงของนักแสดงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งละครเวทีนักแสดงและทีมงานสามารถรู้เลยว่าการร้องเพลงจบคนดูปรบมือให้เราไหม เราเต้นจบเค้าปรบมือให้รึเปล่า แล้วตอนจบของเรื่องทุกครั้งเรารู้สึกว่ามันเป็นกำลังใจมากที่ทำให้เราอยากทำงานต่อ คือพอเราเดินออกไปโค้งขอบคุณคนดูแล้วเค้าปรบมือ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเขายืนตบมือให้เรา เราก็จะมีกำลังใจในการทำงานต่อไป มันเป็นการส่งต่อพลังงานและกำลังใจที่ดีกับนักแสดงและทีมงานทุกคน
จ๋า - สุดาพิมพ์ โปรดิวเซอร์ แห่ง บริษัท บี มิวสิคัล ยืนยันว่า ผู้ชมทุกคนจะได้อิ่มเอมและมีความสนุกไปกับการรับชม "สูตรเสน่หา เดอะมิวสิคัล" ละครเพลงแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่ปรุงรสด้วยวัตถุดิบใหม่ ที่พร้อมเสิร์ฟให้ผู้ชมได้อิ่มท้อง อิ่มใจ และมีรอยยิ้มกลับบ้าน เปิดม่านการแสดงรอบแรก 27 กันยายน 2562 ณ โรงละครเอ็ม เธียร์เตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สามารถจองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา บัตรจำหน่ายในราคา 1,200 บาท, 1,700 บาท, 2,200 บาท, 2,700 บาทและ 3,2000 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Be Musical
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit