นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า "กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มุ่งเน้นยกระดับบริการภาครัฐด้วยนโยบาย"Sharing Economy"หรือเศรษฐกิจแบ่งปัน เพื่อช่วยให้ประชาชนในทุกระดับทั่วประเทศสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างทั่วถึง ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมถึงการผลักดันผู้ประกอบการจาก Local สู่ Global ให้มีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยใช้หลักแนวคิดจากการเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกร่วมกัน ทลายเส้นแบ่งประเภทธุรกิจ ขนาดธุรกิจ กลุ่มพื้นที่ เป็นต้น ซึ่งในบริบทของการแบ่งปันความรู้ หมายถึง การช่วยให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างทั่วถึง ทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ และภูมิภาค เปิดโอกาสให้ได้พบปะกับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและพากันเดินหน้าไปสู่การค้าระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ไปสู่ระดับโลกได้ในอนาคต
สำหรับโครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล (ต้นกล้า ทู โกล) ประจำปี 2562 เป็นโครงการที่จัดให้กับผู้ประกอบการ ได้รับการอบรมความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศและนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างเจาะลึก ทำให้ผู้ประกอบการได้รับแรงบันดาลใจ ได้เรียนรู้ด้านการส่งออก การวางแผนธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์"
ด้าน นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy : NEA) กล่าวว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดย สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA) ได้จัด "โครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล (ต้นกล้า ทู โกล) ประจำปี 2562" ซึ่งได้จัดขึ้นทั้งหมด 3 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก (จัดที่จังหวัดชลบุรี) ภาคตะวันตก (จัดที่จังหวัดกาญจนบุรี) ภาคกลาง (จัดที่กรุงเทพมหานคร) โดยจัดอบรมทั้งหมด 4 ระยะ โดยระยะที่ 1 เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ และได้รับรู้ถึงปัญหาและอุปสรรคของการทำธุรกิจ ตลอดจนการเรียนรู้เทคนิคของการสร้างสื่อออนไลน์อย่างง่าย เพื่อสร้างความน่าสนใจ จนสามารถเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าสมัยใหม่ได้ ส่วนในระยะที่ 2 ผู้ประกอบการได้รับความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ในกระบวนการค้าระหว่างประเทศอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน สามารถกำหนดและจัดทำแผนธุรกิจ ในภาพรวมของกิจการได้
ในระยะที่ 3 ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของการตั้งราคาบรรจุภัณฑ์ สำหรับการทำการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมต่อยอดและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความเป็นสากล ตลอดจนสร้างแบรนด์ หรือตราสัญลักษณ์ของสินค้าที่เหมาะสมกับการทำการตลาด และมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจส่งออก และในระยะที่ 4 ผู้ประกอบการสามารถนำแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ของกิจการ/บริษัท ไปบริหารจัดการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และสามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ/พันธมิตรทางการค้าได้เพิ่มขึ้น
นายนันทพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการดังกล่าว พบว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 50 ธุรกิจ อาทิ กลุ่มเครื่องสำอาง แฟชั่นและสิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ หัตถกรรม ฯลฯ มีความพร้อมในการส่งเพิ่มมากขึ้น โดยยังสามารถนำแผนการตลาด และแผนกลยุทธ์ไปบริหารจัดการด้านต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ การสร้างตราสินค้า รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและการบริการได้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและพันธมิตรทางการค้า รวมถึงกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้า (Business Marketing) กับบริษัทผู้ซื้อผู้ส่งออกรายใหญ่ ได้เพิ่มมากขึ้น อาทิ บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท จิวเวลรี่ พลาเน็ท และบริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ทั้งยังสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการค้าและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลจากโครงการ ไปใช้ในการนำเสนอสินค้า - ผลิตภัณฑ์ การเจรจาการค้ากับกลุ่มผู้นำต่าง ๆ การทดสอบตลาด ซึ่งมั่นใจว่าในอนาคต ธุรกิจเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมก้าวสู่การแข่งขันในตลาดการค้าระดับสากล และยังสามารถพัฒนาไปสู่ผู้ส่งออกรายใหญ่ได้ในอนาคตต่อไป
โครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล (ต้นกล้า ทู โกล) ประจำปี 2562 ได้รับเกียรติจากนางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในพิธี และในช่วงเช้าได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ "การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อสร้างธุรกิจ" โดย คุณอรรฆรัตน์ นิติพน CEO/Founder บริษัท มัชรูม กรุ๊ป จำกัด คุณพรชัย พัวพัฒนขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรุ๊ตออร์แกนิก จำกัด และคุณวรเกษมสันต์ สิริศุภรัชต์ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท สิริรัชต์ กูตส์อิมเพรสชั่น จำกัด พร้อมบูธแสดงผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกว่า 50 ผลิตภัณฑ์ อาทิ น้ำมังคุด ออแกนิค เห็ดแปรรูป สบู่สารสกัดยางพารา และสินค้าเกษตรแปรรูปอื่นๆ อีกทั้งในช่วงบ่ายยังได้จัดพิธีมอบโล่รางวัล 10 รางวัล ได้แก่ รางวัลแผนธุรกิจยอดเยี่ยมจำนวน 5 รางวัล และรางวัลออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม จำนวน 5 รางวัล และมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการอีกด้วย
ผู้ประกอบการ SMEs สนใจข้อมูลการเข้าอบรมและพัฒนาธุรกิจ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ สามารถติดต่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร 085 155 5940 Email : [email protected] หรือข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://nea.ditp.go.th/ และ ที่ www.facebook.com/nea.ditp.go.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit