ล่าสุด ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) สานต่อโครงการบริการฝังรากฟันเทียมสำหรับผู้สูงอายุ จัดกิจกรรม "รักษ์ฟัน" ตรวจสุขภาพช่องปากฟรี เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตในการบดเคี้ยวที่ดีสำหรับผู้สูงวัย โดยตั้งเป้าจะช่วยเหลือผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันบดเคี้ยวให้ได้ปีละ 700 ราย เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น และนอกจากนี้ยังเป็นเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องฟันและสุขภาพช่องปากไม่ดี โดยมีพระกระแสรับสั่งว่า "เวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง"
โดย นางสาวรัตนา วรปัสสุ รักษาการผู้อำนวยการ โปรแกรมบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์และหุ่นยนต์ทางการแพทย์ขั้นสูง สังกัดศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า กิจกรรม "รักษ์ฟัน" จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาฟันและปัญหาสุขภาพช่องปาก เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตในการบดเคี้ยวที่ดีสำหรับผู้สูงวัย เนื่องจาก "ฟัน" มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต ใช้บดเคี้ยวอาหาร หากฟันไม่ดีหรือมีปัญหา ก็จะส่งผลระยะยาวเรื่องสุขภาพ โดยครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุตั้งแต่ ๖๐ ปี ขึ้นไป จำนวน ๑๐๐ คน ที่มีปัญหาเรื่องฟันและประสบปัญหาสุขภาพช่องปาก เข้าตรวจสุขภาพช่องปากได้ฟรี โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำแนะนำวิธีดูแลสุขภาพปากและช่องฟันง่ายๆ ด้วยตัวเองโดยในปี 2562 ตั้งเป้าช่วยเหลือใส่รากฟันเทียมให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศ จำนวน 700 ราย ประมาณ 1,400 ราก ซึ่งรากฟันเทียมที่เรานำมาใส่ให้กับผู้สูงอายุนั้น เป็นนวัตกรรม "รากฟันเทียม" ที่คิดค้นและผลิตโดยคนไทย ซึ่งได้รับมาตรฐาน ISO คุณภาพเทียบเท่ากับ "รากฟัน" ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีราคาสูงเริ่มต้นที่ 50,000-100,000 บาท ซึ่ง "รากฟันเทียม" ที่ผลิตในประเทศไทยราคาเพียง 8,000 บาท แต่คุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ
นางสาวรัตนา วรปัสสุ กล่าวต่อว่า ปัญหาสุขภาพปากและฟัน ถือเป็นปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไหร่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุมักคิดว่าปัญหาเรื่องฟันเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อฟันหลุดหรือสึกก็ไม่ได้สนใจที่จะไปรักษา ส่งผลกระทบต่อการบดเคี้ยวอาหาร และระบบย่อยอาหาร ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพต่างๆ ตามมา ซึ่งในปัจจุบันผลสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขทำให้ทราบว่า ปัจจุบันผู้สูงอายุจำนวนกว่า 30 ล้านคน มีปัญหาการสูญเสียฟันบางส่วนไป และอีก 10 ล้านคน มีปัญหาฟันหลุดหมดปากต้องใส่ฟันปลอม ดังนั้นที่ผ่านมาจึงพยายามผลักดันให้ "โครงการบริการฝังรากฟันเทียมสำหรับผู้สูงอายุ" เข้าสู่ "สปสช." เพื่อให้ประชาชนที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวได้เข้าถึงการรักษา เนื่องจากการรักษารากฟัน ต้องใช้ระยะเวลานาน ที่สำคัญค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เมื่อเราคิดค้นพัฒนา "รากฟันเทียม" ที่ดีและมีมาตรฐานเทียบเท่าต่างประเทศแล้ว น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้น
ทางด้าน ผศ.ทพ.วินัย กิตติดำเกิง ผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยเชิงคลินิก โปรแกรมบริหารและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์และหุ่นยนต์ทางการแพทย์ขั้นสูง สังกัดศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลส่วนใหญ่จะพบว่า ผู้สูงอายุในต่างจังหวัดจะไม่มีความรู้และศึกษาข้อมูลการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องทำงาน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จึงคิดว่า "ไม่มีฟัน" ก็ไม่เป็นไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว "ฟัน" คือสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากจะทำให้เรามีความมั่นใจ ฟันยังช่วยให้เราบดเคี้ยวอาหาร เพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะฉะนั้นการมีสุขภาพฟันที่ดี สุขภาพร่างกายก็จะดีตามไปด้วย
ผศ.ทพ.วินัย กิตติดำเกิง กล่าวปิดท้ายว่า หลักการง่ายๆ ที่อยากแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ ก็คือ ควรตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุกปี และรับบริการ ส่งเสริม ป้องกัน รักษา รวมทั้งการใส่ฟันเทียมทดแทนฟันที่สูญเสียไป อย่างเหมาะสม หมั่นทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ บ้วนปากหลังมื้ออาหารทุกครั้ง นอกจากนี้ยังควรแปรงซอกฟัน รวมถึงทำความสะอาดด้วยไหมขัดฟัน บริเวณเหนือเหงือกที่เป็นช่องว่างใหญ่ๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของฟันอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ๐๒-๕๖๔-๖๙๖๐-๑, หรือ www.adtec.or.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit