เจนนี่ เล่าว่า "ตอนนี้ก็มีคิวคอนเสิร์ตเยอะมากพอสมควร มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ให้ได้ชมกันค่ะ สำหรับบ้านหลังนี้ซื้อจากน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของพวกหนู เป็นบ้านหลังที่ 2 ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และที่ดินๆข้างๆบ้านก็ซื้อไว้เพื่อทำเป็นบริษัทและสตูดิโอเพื่อทำงาน มีวง มีแดนเซอร์ นักร้องในค่ายเป็นของตัวเอง ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เมื่อก่อนหนูอยู่กับแม่ 2 คน เพราะแม่กับพ่อเลิกกัน แม่เลี้ยงหนูคนเดียวด้วยอาชีพนักร้อง แม่ไปร้องเพลงที่ไหนก็จะเอาเจนนี่ไปด้วย จริงๆแม่ไม่ได้ชอบร้องเพลงแต่ต้องร้องเพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงลูก ส่วนหนูก็ช่วยแม่ทำงานหาเงินตั้งแต่เด็กๆ พอแม่เลิกร้องเพลงก็มาเปิดร้านขายขนมจีนเป็นเพิงเล็กๆ หนูก็ตื่นตั้งแต่ตี 3 ทุกวันเพื่อช่วยแม่ จนแม่แต่งงานใหม่กับพ่อของลิลลี่แล้วมีลิลลี่ ด้วยความลำบากตอนนั้นแถมต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาครอบครัวเราก็ย้ายไปหางานทำใหม่ที่ภูเก็ต โดยไปขออาศัยแบ่งบ้านญาติอยู่ผ่านไป 2 ปี พ่อลิลลี่กับแม่เลิกกัน เรา 3 คนแม่ลูกจึงย้ายไปทำมาหากินที่ อ.รัษฎา จ.ตรัง ตอนนั้นแม่กับเจนนี่ ก็เริ่มรับจ้างร้องเพลงตามงานแต่งงานบวช กลางคืนทำงาน กลางวันเรียนหนังสือ หนูเรียน ม. 2 ตอนนั้นเหนื่อยมาก แต่เมื่อรายได้มันน้อยกว่ารายจ่าย แถมเพื่อนแม่มาโกงอีก แม่ก็ต้องไปยืมเงินนอกระบบมาจนทำให้เป็นก้อนใหญ่หลักล้าน จนถูกตามทวงหนี้ ก่อกวน จนถึงขั้นตามขู่ทำร้าย จนถึงขั้นขู่ฆ่า เคยหนีไปซ่อนที่โรงแรมม่านรูดเป็น 10 คืน แบบไม่ออกไปไหนเลย ค่าห้องก็ไม่มีจ่ายจนเจ้าของโรงแรมเรียกตำรวจมาว่าเกิดอะไรขึ้น เราหนีกันไปเรื่อยๆทำงานสารพัด เจนนี่กับแม่นอนร้องไห้ทุกคืน เราก็พยายามทำทุกวิถีทางหาเงินผ่อนแต่สุดท้ายก็ไม่ไหว เลยหนีอีกแต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หนีมาอยู่ อ.ทุ่งสง แล้วยอมเปิดเผยกับเจ้าหนี้ทุกคนขอเวลาผ่อนแบบรายวันสูงสุดเราไม่หนีแล้วและเราจะจ่าย กลางวันก็ไปเรียน เย็นไปขายรองเท้า ค่ำไปร้องเพลงประมาณ 5 ร้าน โดยแม่กับน้องไปตามเฝ้าทุกที่ จนชีวิตเริ่มดีขึ้นจากการอัพเพลง "ได้หมดถ้าสดชื่น" ลง เฟสบุ๊คมียอดวิวหลักแสนภายในคืนเดียว มีคนมาติดตามเป็นหลักล้าน หนูงงมากตอนนั้น ตื่นเช้ามาเหมือนเกิดใหม่ มีคนโทรมาชวนให้ไปออกทีวี มีคนจ้างงาน หนี้สินเคลียร์ให้ทุกคนได้หมด หลังจากนั้นก็มีงานเข้าทุกวัน จนซื้อรถ ซื้อบ้านได้ค่ะ จากคนที่ต้องเช่าบ้านอยู่ พอบอกแม่ว่าจะพาไปดูบ้าน เมื่อถึงวันนัดเซ็นสัญญาซื้อบ้านด้วยเงินสด 4ล้าน 2 แสนบาท แม่ร้องไห้เลยถามหนูว่านี้เราฝันไปหรือเปล่า ส่วนลิลลี่ดีใจวิ่งรอบบ้านเลย ส่วนบ้านที่เราอยู่ตอนนี้เป็นบ้านหลังที่ 2 แล้ว เพราะต้นปีที่ผ่านมาเริ่มอยากมีค่ายเพลงเป็นของตัวเอง มีวง มีแดนเซอร์เป็นของตัวเอง ทุกคนจะต้องภูมิใจในตัวหนู แม่หนูจะต้องเปลี่ยนไป เพราะที่ผ่านมาเหมือนคนไม่มีหน้ามีตาในสังคมเพราะเป็นหนี้เยอะ หนีกันมาตลอดชีวิต และตั้งใจว่าจะต้องมีบ้านอีกหลังที่ติดกับค่ายจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมา ตอนนี้ก็ค่อยๆเรียนรู้การทำค่ายเพลงไป โดยมีลิลลี่เป็นศิลปินคนแรกของค่าย และเพิ่งออดิชั่นน้องๆมาอีก 2 คน อยากสร้างผลงานต่อไป และอยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มาอยู่ในค่าย และยังจะเขียนเพลงไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ก็มีเขียนเพลงให้สินค้าหลายตัว "
ด้านลิลลี่ เล่าว่า "หนูชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ เป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียน เมื่อก่อนตอนพี่เจนนี่มีคอนเสิร์ต "ได้หมดถ้าสดชื่น" ถึงช่วงพักลิลลี่ก็จะขึ้นไปร้อง ตอนหลังพี่เจนนี่เขียนเพลง
"โสดแล้วนะ" ก็ให้ลิลลี่ไปร้องท่อนแรป ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักหนู จนพี่เจนนี่แต่งเพลง "เลิกคุยทั้งอำเภฮเพื่อเธอคนเยว"ให้ร้อง ตินแรกยังถามพี่เจนนี่ว่ามันจะดังเหรอ แล้วมันก็ดังจริงๆจนเราตั้งตัวไม่ทัน ช็อกไปเลย มันทำให้เรามีทุกอย่าง มีค่ายเพลง มีบ้าน มีรถ เชื่อว่าที่พวกเรามีทุกวันนี้ได้เพราะความกตัญญู มันเป็นเหตุผลเดียวที่เปลี่ยนชีวิตพวกเรา เราเคยลำบาก เคยอดข้าว ไม่มีที่ซุกหัวนอน ต้องหนีเจ้าหนี้ แต่พวกหนูไม่เคยทิ้งแม่ มันจึงเป็นผลตอบแนเป็นวันนี้"
ติดตามเรื่องราวของ2สาวน้อยมหัศจรรย์ยอดนักสู้ "เจนนี่ รัชนก-ลิลี่ นารีนาท" ได้ในรายการ"เจาะใจ" วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2562 เวลา 21.00 น.ทางช่อง 9 MCOT HD
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit