รำลึกถึงรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต ไทรอัลส์ ในปี 1949 และสรรเสริญทีมสร้างรถจาก
รอยัล เอนฟิลด์ และนักแข่งจอห์นนี บริทเทน ที่เป็นดั่งพ่อมดแห่งการแข่งขันไทรอัลส์
บุลเล็ต ไทรอัลส์ 500 เปิดตัวในประเทศไทย ที่ราคาจำหน่าย 191,500 บาท เพียง 210 คันเท่านั้น
รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต คือตำนานที่ยังมีชีวิต การเดินทางของบุลเล็ตเริ่มต้นในปี 1932 กินระยะเวลายาวนานกว่า 87 ปี ซึ่งทำให้รอยัล เอนฟิลด์ ถูกขนานนามว่าเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่ดำเนินสายการผลิตมายาวนานที่สุดในโลก ส่งผลให้บุลเล็ตเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนนมายาวนานที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน เส้นทางความเป็นมาของบุลเล็ตเปรียบดั่งตำนานและเป็นไอคอนของยุคสมัย อาจกล่าวได้ว่าเรื่องราวที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบุลเล็ตคือความสำเร็จของรอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ตในการแข่งขันไทรอัลส์ แชมเปี้ยนชิพส์ (Trials Championships) และด้วยแรงบันดาลใจจากตำนานการแข่งขันของรอยัล เอนฟิลด์ในรายการ International Six Days Trials (ISDT) และเพื่อสรรเสริญต่อจอห์นนี บริทเทน (Johnny Brittain) พ่อมดแห่งการแข่งขันไทรอัลส์ รอยัล เอนฟิลด์ จึงเปิดตัว บุลเล็ต ไทรอัลส์ เวิร์คส์ เรพริกา 2019 (Bullet Trials Works Replica 2019)
บุลเล็ต ไทรอัลส์ มาพร้อมเครื่องยนต์ 500 ซีซี จำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 210 คันในประเทศไทย มีดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานที่สะท้อนยุคที่รุ่งเรืองของการแข่งไทรอัลส์สุดคลาสสิกระหว่างทศวรรษ 1940 และ 1950 ซึ่งรถบุลเล็ต ไทรอัลส์รุ่นใหม่ใช้ยางที่มีลายดอกยางทรงเหลี่ยมเพื่อเพิ่มการยึดเกาะบนทางออฟโรดและแฮนด์เดิลบาร์เสริมแกร่งด้วยคานขวางหรือ Crossbar รถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังมาพร้อมท่อไอเสียที่เฉียงสูงขึ้นเพื่อเพิ่มระยะห่างจากพื้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องลุยน้ำ และยังติดตั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) แบบดูอัลแชนแนล (Dual Channel) บุลเล็ต ไทรอัลส์ถูกติดตั้งบังโคลนล้อดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งเดี่ยว และแรคบรรทุกสัมภาระ นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ตกแต่ง 5 รายการที่ได้รับการออกแบบสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ได้แก่ การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ตะแกรงครอบไฟหน้า บอร์ดประทับหมายเลขแข่ง การ์ดกันแคร้งใต้เครื่องอลูมิเนียม และปลอกสวมครอสบาร์ โดยบุลเล็ต ไทรอัลส์ 500 มีราคาจำหน่ายรวมอุปกรณ์ตกแต่ง 5 รายการที่ 191,500 บาท
นายมาร์ค เวลส์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการออกแบบอุตสาหกรรม รอยัล เอนฟิลด์ โกลบอล กล่าวภายในงานเปิดตัวบุลเล็ต ไทรอัลส์ว่า "รอยัล เอนฟิลด์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่น่าภาคภูมิใจในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นอมตะและมีความทนทาน ซึ่งบุลเล็ตคือรถมอเตอร์ไซค์ที่ทนทานและมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานที่สุด ภาพของรถมอเตอร์ไซค์บุลเล็ต ไทรอัลส์ที่ขี่โดยจอห์นนี บริทเทนนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่เคยลืม ภาพเหล่านั้นทำให้เรารำลึกถึงสมรรถนะอันล้นเหลือของรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่เหนือเส้นทางอันท้าทายและความสำเร็จในการแข่งขันไทรอัลส์
โดยรถมอเตอร์ไซค์บุลเล็ต ไทรอัลส์ ปี 2019 ได้แรงบันดาลใจจากรถไทรอัลส์ของจอห์นนี บริทเทนที่คว้าแชมป์มากกว่า 50 ครั้งระหว่างปี 1948 ถึง 1965 และยังเป็นการอุทิศให้แก่รากฐานของการออกแบบและความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบจนเกิดเป็นช่วงล่างแบบสวิงอาร์มครั้งแรกในรถบุลเล็ตในปี 1949 และในปีนี้ เราร่วมรำลึกครบรอบ 70 ปีแห่งชัยชนะในรายการ ISDT ของบุลเล็ต ไทรอัลส์ ที่นับเป็นการนำเสนอช่วงล่างแบบสวิงอาร์มเป็นครั้งแรกในปี 1949 ผมมั่นใจว่ารถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่มีความหลงใหลต่อแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ในประเทศไทย"
ประวัติศาสตร์ของการแข่งขันไทรอัลส์สามารถย้อนกลับไปได้ถึงต้นยุคทศวรรษ 1920 เมื่อผู้ผลิตรถจักรยานยนต์มักให้รถของตนเข้าร่วมการแข่งขันรถที่เรียกว่าไทรอัลส์ โดยให้คำนิยามการแข่งขันว่า "ไทรอัลส์ที่ไว้ใจได้" (Reliability Trials) เนื่องจากเป็นการโชว์สมรรถนะและศักยภาพในการยึดเกาะถนน ความสามารถในการควบคุมทิศทาง และความทนทานโดยรวมที่ไว้ใจได้ โดยร่วมการแข่งขันในสหราชอาณาจักรและทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป อย่างไรก็ตามเมื่อพื้นผิวถนนถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 20 การแข่งขันแบบไทรอัลส์ได้เปลี่ยนสนามไปสู่การแข่งขันบน "เส้นทางออฟโรด" ที่จัดขึ้นเป็นโดยเฉพาะ ซึ่งพื้นผิวเส้นทางที่ท้าทายคือบททดสอบอันหนักหน่วงสำหรับทั้งคนและตัวรถ
รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ตเปิดตัวครั้งแรกในปี 1932 พร้อมกับการได้ชื่อว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ "สมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่แบบทัวริ่งหรือแข่งขันไทรอัลส์" หลังจากเปิดตัวไม่นาน บุลเล็ตสามารถสร้างความสำเร็จจากการแข่งขันรายการ International Six Days Trial (ISDT) ในปี 1935 โดยที่ทีมรอยัล เอนฟิลด์ เป็นรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษหนึ่งเดียวที่ไม่ถูกตัดแต้มแม้แต่คะแนนเดียว จากนั้นในปี 1937 นักขี่เอนฟิลด์ สร้างสถิติคว้าถ้วยรางวัลถึง 37 ใบและเหรียญทองอีก 6 เหรียญในการแข่งขัน ISDT จากนักขี่ในตำนานอย่างชาร์ลี โรเจอร์ส (Charlie Rogers) จอร์จ โฮลด์เวิร์ธ (George Holdworth) และแจ็ค บุ๊คเกอร์ (Jack Booker) ซึ่งขี่บุลเล็ต 250 ซีซี และ 350 ซีซี รวมถึงเวอร์ชั่นคัสตอมพิเศษสำหรับการแข่งขันขนาด 500 ซีซี สู่ชัยชนะ
แต่ความสำเร็จที่แท้จริงเกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลก รอยัล เอนฟิลด์ กลายเป็นบริษัทแถวหน้าในการแข่งขันไทรอัลส์อย่างแท้จริง ด้วยบุลเล็ตขนาด 350 ซีซี รุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งออกแบบโดยเท็ด พาร์โด (Ted Pardoe) และโทนี่ วิลสัน โจนส์ (Tony Wilson-Jones) ซึ่งปฏิวัติวงการด้วยการผสมผสานช่วงล่างแบบสวิงอาร์มเข้ากับโช้คอัพน้ำมันเป็นครั้งแรกในรถจักรยานยนต์รุ่นผลิตจำหน่ายเชิงพานิชย์ การพัฒนาดังกล่าวพลิกโฉมการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์ไปตลอดกาล
โดยบุลเล็ตที่มาพร้อมช่วงล่างแบบสวิงอาร์มของรอยัล เอนฟิลด์ได้ฉีกขนบดั้งเดิมของการเปิดตัวรถด้วยการเผยโฉมที่ การแข่งขันไทรอัลส์ด้วยรถต้นแบบ 3 คันในการแข่งขัน Colmore Cup ปี 1948 หลังจากนั้น รถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมทีม British Trophy ในการแข่งขัน ISDT ปี 1949 จัดขึ้นในเมืองซานเรโม ประเทศอิตาลี ความสำเร็จตามมาพร้อมกับนักขี่บุลเล็ตทั้งสองคน ชาร์ลี โรเจอร์ส (Charlie Rogers) และวิค บริทเทน (Vic Brittain) คว้าเหรียญทองได้สำเร็จและส่งให้ทีมจากอังกฤษคว้าชัยชนะอันดับหนึ่ง บุลเล็ต ไทรอัลส์มาพร้อมช่วงล่างสวิงอาร์มจึงกลายหัวใจสำคัญของรถรุ่นนี้ต่อมาอีกถึง 14 ปี
นายวิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวภายในงานเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ว่า "รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต มีฐานลูกค้าที่มีความภักดีและหลงใหลอย่างยิ่งอยู่ทุกมุมโลกมาตลอด 8 ทศวรรษที่ผ่านมา บุลเล็ต ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ระดับไอคอนและมีชื่อเสียงในด้านความทรหดทนทานและใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้งมีประเพณีการส่งต่อรถมอเตอร์ไซค์จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสานต่อตำนานแห่งไทรอัลส์ของบุลเล็ตในปี 2019 เรามีความยินดีที่จะประกาศการจัดจำหน่ายบุลเล็ต ไทรอัลส์ในประเทศไทย"
การบอกเล่าเรื่องราวการครองความเป็นเจ้าสนามแข่ง ISDT ของบุลเล็ต ไทรอัลส์ไม่อาจสมบูรณ์แบบได้ถ้าไม่มี จอห์นนี บริทเทน ผู้ซึ่งกวาดชัยชนะการแข่งขันไทรอัลส์กับรถบุลเล็ต ไทรอัลส์ 350 มานาน 15 ปี จอห์นนีเป็นลูกชายของตำนานนักขี่รายการไทรอัลส์อย่างวิค บริเทน (Vic Brittain) จอห์นนีร่วมทีมรอยัล เอนฟิลด์ตอนอายุ 18 ปี และคว้าเหรียญทองแรกจากการแข่งขัน ISDT ในปี 1950 ด้วยรถไทรอัลส์ บุลเล็ต 350 ซีซีอันโด่งดัง ประทับหมายเลข HNP 331 โดยจอห์นนีคว้าชัยชนะ Scottish Six Days Trial ซึ่งเป็นการแข่งขันระยะทาง 900 ไมล์ภายในระยะเวลา 6 วันเต็ม อย่างยิ่งใหญ่ถึงสองครั้ง (ปี 1952 และ 1957) ชนะการแข่งขัน Scott Trial สุดท้าทายอีกสองครั้ง (ปี 1955 และ 1956) และ British Experts Trial ที่มีความหฤโหดอีกสองครั้ง ซึ่งเขาเป็นผู้ชนะเลิศที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ปี 1952 และ 1953) อีกทั้งยังคว้าแชมป์รายใหญ่อีกกว่า 50 รายการและคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันโอเพ่นไทรอัลส์อีกมากมายในช่วงเวลากว่า 15 ปี
รถมอเตอร์ไซค์ บุลเล็ต ไทรอัลส์ ปี 2019 คือการอุทิศให้แก่รถบุลเล็ต ไทรอัลส์ ปี 1949 ซึ่งจอห์นนี บริทเทนควบทะยานในการแข่งขันไทรอัลส์หลายรายการ รถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ถ่ายทอดรูปลักษณ์และความรู้สึกของรถในช่วงต้นยุค 1950 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมติดตั้งฟีเจอร์ยุคใหม่อย่างระบบดิสก์เบรกคู่พร้อมเอบีเอส และระบบหัวฉีดอิเลคโทรนิค EFI บุลเล็ต ไทรอัลส์ 500 จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ UCE ขนาด 498 ซีซีและบุลเล็ต ไทรอัลส์ 350 จะใช้เครื่องยนต์ UCE ขนาด 348 ซีซี
เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถไทรอัลส์ของรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ บุลเล็ต ไทรอัลส์มีอุปกรณ์ตกแต่งของแท้จากรอยัล เอนฟิลด์มากกว่า 30 รายการให้เลือกสรร ทั้งนี้ รอยัล เอนฟิลด์ ได้ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์สุดพิเศษสำหรับบุลเล็ต ไทรอัลส์โดยเฉพาะจำนวน 5 รายการ ได้แก่ การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ตะแกรงครอบไฟหน้า บอร์ดประทับหมายเลขแข่ง การ์ดกันแคร้งใต้เครื่องอลูมิเนียม และปลอกสวมครอสบาร์
เกี่ยวกับรอยัล เอนฟิลด์
รอยัล เอนฟิลด์ เป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์เก่าแก่ที่สุดที่มีการผลิตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยผลิตรถมอเตอร์ไซค์คันแรกในปี พ.ศ. 2444 รอยัล เอนฟิลด์เป็นบริษัทลูกของบริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บุกเบิกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางในประเทศอินเดีย ด้วยความเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบโมเดิร์นคลาสสิกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและด้วยฐานการผลิตแห่งใหม่ในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย รอยัล เอนฟิลด์สามารถขยายการผลิตได้อย่างรวดเร็วตอบสนองต่อความต้องการในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตมากกว่า 40% ทุกปี ในตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รอยัล เอนฟิลด์ กลายเป็นผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายสำคัญในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก และกำลังดำเนินงานอย่างมุ่งมั่นในการทำตลาดกลุ่มนี้ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานน่าประทับใจ
สายการผลิตของรอยัล เอนฟิลด์ ณ ปัจจุบัน นอกจากการผลิตรถมอเตอร์ไซค์รุ่นล่าสุดแห่งยุคโมเดิร์นที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ อินเตอร์เซปเตอร์ 650 และ คอนติเนนทัล จีที 650 มาพร้อมเครื่องยนต์สองสูบคู่ 648 ซีซี แล้ว รอยัล เอนฟิลด์ยังผลิตรถมอเตอร์ไซค์รุ่นยอดนิยมอย่างคลาสสิก บุลเล็ต และธันเดอร์เบิร์ด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 350 ซีซี และ 500 ซีซี รวมไปถึงรถมอเตอร์ไซค์อเนกประสงค์รุ่นหิมาลายัน ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ LS410 รอยัล เอนฟิลด์ดำเนินธุรกิจผ่านหน้าร้านสโตร์ของตนเองรวมทั้งสิ้น 18 สโตร์ และมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 850 รายทั้งในประเทศอินเดียและเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงมีการส่งออกรถมอเตอร์ไซค์ไปยังกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศในยุโรป รวมถึงประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รอยัล เอนฟิลด์ ยังจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์และการขับขี่ต่างๆ มากมายทั่วโลก ได้แก่ 'ไรเดอร์ มาเนีย' (Rider Mania) กิจกรรมประจำปีที่ถือเป็นการรวมตัวของผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ รอยัล เอนฟิลด์จากทั่วโลก ณ ชายหาดที่สวยงามของเมืองกัว (Goa) และ 'หิมาลายันโอดิสซีย์'
ทริปการขับขี่บนเส้นทางที่นับว่าหฤโหดที่สุด และสูงที่สุดบนเทือกเขาหิมาลัย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมมากมายที่รอยัล เอนฟิลด์รวบรวมนักขับขี่มาไว้ด้วยกัน รวมถึงกิจกรรม 'วัน ไรด์' (One Ride) ที่สาวกรอยัล เอนฟิลด์ทั่วโลกจะรวมตัวเพื่อขับขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมกันในอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน
ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ ความเป็นมา และกิจกรรมต่างๆ ของรอยัล เอนฟิลด์ ได้ที่ https://www.royalenfield.com/ หรือโทรสอบถามได้ที่ รอยัล เอนฟิลด์ คอนแทค เซ็นเตอร์ เซอร์วิส โทร.1800 012 720 เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนรักรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ ทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/royalenfield/ หรือ ทวิตเตอร์ @royalenfield และอินสตาแกรม @royalenfieldth
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit