คุยแซ่บShow อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดมุมมองชีวิตทาสแมว หลังลาออกจากหัวหน้าพรรค

06 Aug 2019
เปิดชีวิตใหม่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมือง พร้อมรับบทบาทใหม่ พี่มาร์ค ทาสแมว ที่ทำคนทั้งโซเชียลหลงรัก พร้อมเปิดหัวใจอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทยที่จีบภรรยาด้วยการเขียนจดหมายข้ามประเทศ ผ่านรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร ทราบมาว่าพี่เรียนเก่งตั้งแต่เด็กเลย ?
คุยแซ่บShow อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดมุมมองชีวิตทาสแมว หลังลาออกจากหัวหน้าพรรค

มาร์ค : ก็ผลการเรียนดีครับ ตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนก็จะสอบที่ 1ที่ 2 มาตลอด ตอนอยู่ที่นี่นะ แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศ

บางคนเก่งเพราะชอบอ่านหนังสื่อ บางคนเกิดมาอัจฉริยะ พี่มาร์คอยู่ฝั่งไหน ?

มาร์ค : มันก็คงต้องผสมผสาน บางวิชามันก็ต้องมีหัว อย่างเช่น คณิตศาสตร์ แต่ว่าการศึกษาไทยก็จะมีท่องเยอะ มันก็เลยจำเป็นต้องอ่านส่วนมากเด็กที่เรียนเก่งมักนั่งแถวหน้า แต่ทราบมาว่าพี่มาร์คนั่งแถวหลังเลย ?

มาร์ค : นั่งแถวหลังเพราะชื่อเป็น อ.อ่าง มากกว่ามั้ง เค้านั่งเรียงตามตัวอักษร แต่ว่าโดยธรรมาชาติตอนเด็กๆก็จะเป็นเด็กค่อนข้างเงียบ ค่อนข้างจะขี้อาย

มีวิชาไหนที่ไม่ชอบเลย เกลียดมากเลยมั้ย ?

มาร์ค : จริงๆชอบวิชาวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะว่ามันไม่ต้องอ่านเยอะ ไม่ต้องเขียนเยอะ

วิทยาศาสตร์ท่องจำเยอะเหมือนกันนะ ?

มาร์ค : ไม่หรอกครับ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เป็นเรื่องของหลักมากกว่า แต่ว่าหลายวิชาอย่างสังคมถ้าต้องทดสอบความรู้มันก็ต้องอ่าน

ในการเรียนเคยมีโอกาสสอบหมิ่นเหม่หรือจะสอบตกบ้างมั้ย ?

มาร์ค : ผมไปอังกฤษ ปี สองปีแรก สอบตกครับ เพราะเราไม่ไหวจริงๆ เราก็ยังไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษแล้วก็ต้องไปเรียนวิชาใหม่ๆ วิชาภาษาลาติน ภาษาฝรั่งเศส ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ไม่เหมือนของเราหมดเลย แล้วก็วิชาที่ตกแน่ๆก็คือวิชาเกี่ยวกับศาสนา ถึงเวลาสอบก็ต้องสอบ ส่งกระดาษเปล่ากันเลย ตอนเรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ตอนนั้นพี่ไปกี่ขวบ ?) ผมไปตอน 11 ขวบ

ไปตอน 11 ขวบ พี่พีเครู้มั้ยว่าเพื่อนสนิทของพี่มาร์คคือใคร นายกอังกฤษคนใหม่ บอริส จอห์นสัน เห็นภาพในเฟสบุ๊คด้วย พี่คิดมั้ยคนนึงเป็นอดีตนายกเมืองไทย อีกคนจะเป็นนายกอังกฤษ ?

มาร์ค : ผมไม่รู้เค้าคิดรึเปล่า แต่บอริสเค้าเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว เพื่อนๆชื่นชอบ เค้าก็เป็นหัวหน้านักเรียนค่อนข้างที่จะโดดเด่น ผมก็รู้จักกับเค้าน่าจะตั้งแต่ไฮสคูล ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เคมบริดจ์ จะประมาณ พย-ธค พอสอบเสร็จแล้ว กว่าจะไปเข้าเรียนจะเป็น กย – ตค มีเวลาว่างอยู่ 9-10 เดือนเค้าก็ไปออสเตรเลียอาจจะไปเที่ยวด้วย สอนหนังสือเด็กด้วย เค้าก็แวะเมืองไทยมาพักบ้านผมอยู่สองอาทิตย์ แล้วก็กลับออกซ์ฟอร์ด แต่ตอนกลับไปก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เค้าจะอยู่กับเด็กที่เล่นการเมืองพรรคอนุรักษ์นิยม ผมจะอยู่กันคนละฝ่าย เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ในหน้าที่การงานผมเคยเจอเค้าตอนเป็นายกเทศบาลลอนดอน ซัก 2 ปีที่แล้วเค้าตอนเค้าเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเค้าก็มาที่ไทยก็นัดเจอกัน เราก็แซวเค้าว่าจะเป็นนายกหรือเปล่า เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวได้เป็นละ เพราะเค้าช้ากว่าผมไป 10 ปีลพ เค้าก็ได้เป็นจริงๆ

มีคนเล่าให้ฟังว่าพี่มีความชอบเรื่องการเมืองและตั้งใจว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เด็กๆเลย ?

มาร์ค : คือเราอยากทำงานการเมือง เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำจริงแล้วทำได้มั้ย แต่ตั้งใจจะทำงานการเมืองตั้งแต่เด็กจริงๆ ตัดสินใจเรื่องการเรียนก็คิดถึงว่ากลับมาอยากจะทำงานการเมือง กลับมาก็เป็นอาจารย์อยู่ ปี 2 ปี ตอนเข้าไปสมัครเป็นอาจารย์ก็บอกเค้าว่ามีเลือกตั้งเมื่อไหร่ ผมลาออกไปสมัตร ส.ส. นะ

ล่าสุดทุกคนทราบดีว่าพี่มาร์คลาออกจากการเป็น ส.ส. และ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เหตุผลลึกๆที่ตัดสินใจลาออกคือ ?

มาร์ค : ไม่มีอะไรลึกลับเลย ทุกอย่างเปิดเผย แถลงตรงไปตรงมา จากหัวหน้าพรรคนี่ง่ายมาก เราไม่สามารถประสบความสำเร็จในการนำพาองค์กรไปได้ แล้วผมก็ประกาศชัดตอนเลือกตั้งว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส ไม่ถึง 100 คน ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมก็ต้องรับผิดชอบ คืนวันที่ 24 มีนา เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่ถึง ผมก็ลงมาแถลงข่าวลาออกเลย ประการที่สองที่ออกจาก ส.ส. ก็ชัดเจนอีกเช่นกัน ว่าเมื่อพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาล ผมก็ผิดคำพูดกับประชาชนไม่ได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องออกจาก ส.ส. 24 แถลง ตื่นเช้าวันที่ 25 ชีวิตเปลี่ยนยังไง ?

มาร์ค : ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ จริงๆผมก็ตกงานตั้งแต่ปฎิวัติแล้ว ไม่ต้องไปประชุมแล้ว ผมก็อยากจะพัก ทำการเมืองมาตั้งแต่อายุ 27 ถึงตอนนี้ 27-28 ปี ก็ไม่ได้หยุดเพราะงานการเมืองมันไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสพักผ่อนนอกจากเลี้ยงแมวแล้ว อย่างอื่นทำอะไรอีก ?

มาร์ค : ก็มีงานค้างอยู่บ้าง เช่นรับงานบรรยาย มีงานสังคมที่เรายังต้องไปอยู่ ถ้าอยู่บ้านก็อ่านหนังสือ ติดตามข่าว ฟังเพลง

เมื่อก่อนทำงานเพื่อสังคม เดี๋ยวนี้ทำงานเพื่อแมว ? มีแฮชแท็กพี่มาร์คทาสแมว ?

มาร์ค : ที่จริงมันไม่ใช่ทาสแมวนะ มันเป็นทาสของทาสแมว เริ่มจากลูกสาวผมเค้าเลี้ยงแมวอยู่สองตัว ซื้อมาอีกตัวเป็นสามตัว ผมนี่เฉยๆ ไม่ได้ชอบแมว แต่เค้ามีบ้านแยกอยู่นะ พอเค้าไปเรียนต่างประเทศเค้าก็ฝากให้ช่วยดู ระหว่างที่เค้าไปเรียนมันก็ออกลูก ออกหลานมาเป็น 26 ตัว พันธ์สก๊อตติช โฟลด์ ที่มารับดูแลแมวเพราะลูกสั่ง เลยเป็นทาสของทาสแมวอีกที แมว 26 ตัว ตอนนี้ได้แฮชแท็กทาสแมว พี่คุยอะไรกับเค้ามั่ง ?

มาร์ค : ไม่ถึงกับคุยหรอก ก็เล่นกับเค้า ส่วนใหญ่เล่นก็ให้ขนมให้อาหาร แต่ละตัวจะนิสัยไม่เหมือนกัน บางตัวเค้าก็มาหาเรา แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเรื่องอาหาร เรื่องที่

มีวิธีในการหาความสุขให้กับตัวเองยังไงบ้าง ?

มาร์ค : อยู่กับครอบครัว ได้พักผ่อนก็มีความสุขแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวบาหลี ไม่ได้เที่ยวต่างปะรเทศด้วยกันนานแล้ว

นอกจากเป็นเด็กฉลาดแล้ว เป็นผู้ชายโรแมนติกด้วยมั้ย ?

มาร์ค : ต้องถามภรรยาผม แต่ผมเป็นคนมีความสุขกับการอยู่กับครอบครัว อยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก มียุคนึงที่เค้าบอกว่าต้องใช้เวลาอย่างมีคุณภาพอยู่กับครอบครัว คนนึงจะเล่นเกมส์ จะอ่านหนังสือ มีอะไรก็ตะโกนคุยกัน ผมพูดมาตลอดว่าชีวิตที่ผมอยากจะใช้คือผมทำงานที่ผมชอบแล้วผมก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น

พูดไม่หวาน แต่เทศกาลก็จะส่งดอกไม้ให้ภรรยา แต่ทำไมถึงไม่เอาช่อดอกไม้นั้นไปมอบให้กับภรรยาเอง ?

มาร์ค : มอบให้ครับ วันสำคัญๆ อย่างวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน เราจะออกไปซื้อเองก็ไม่ได้ เราจะไปซื้อมาเก็บมาซ่อนก่อนก็ไม่ได้ เราก็ต้องโทรไปสั่ง แล้วก็บอกให้เค้ามาเช้าที่สุด เราอยากจะให้เค้าก่อนไปทำงาน

สมัยก่อนพี่ฮอตมาก ?

มาร์ค : ไม่หรอก อย่างที่บอกว่าแต่ก่อนผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ใช่คนเที่ยวอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่มองว่าจริงจัง เพื่อนๆแซวว่าจะมีชีวิตวัยรุ่นอย่างเค้ามั่งมั้ย ผมเริ่มเข้ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบติดตามศึกษางานไปดูการปราศรัย ตั้งแต่เด็กๆไปนั่งฟังอยู่ในสภา

เห็นว่าเคยมีนักศึกษาเอาการ์ดวาเลนไทน์มาให้พี่มาร์คด้วย ?

มาร์ค : ก็รับมา แต่ไม่รู้ว่าใคร

แล้วพี่เอาการ์ดนั้นไปให้ภรรยา ?

มาร์ค : นโยบายโปร่งใสครับ

พี่มาร์คมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับสามีภรรยาเรื่องการซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ?

มาร์ค : คนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันก็ต้องมีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

เคยติดงานเยอะมาก แล้วภรรยาแล้วลูกว่ายังไง ?

มาร์ค : เค้ารู้ตั้งแต่เป็นแฟนกันแล้วว่าผมจะทำงานการเมือง พ่อเค้าก็เคยลงสมัคร ส.ส ลูกผมคนแรกเกิดมาผมก็เป็นนักการเมืองแล้ว ผมก็พยายามแบ่งเวลา บริหารเวลา เวลาว่างก็อยู่กับครอบครัว

สำหรับพี่มาร์คการเติมเต็มความรักให้กับครอบครัวรูปแบบของพี่ทำยังไง ?

มาร์ค : ความรักเกิดจากตัวเราเอง คนมีความรักมันก็ต้องมีความห่วงใยกัน ใส่ใจกัน ให้ความสำคัญซึ่งกันและกันบางทีก็ยากในมุมของผู้บริหารประเทศด้วย เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย ?

มาร์ค : ผมว่ายากทุกอาชีพ ครอบครัวเดี๋ยวนี้ทั้งสองคนต้องทำงาน อาจไม่เหมือนสมัยก่อนๆโน้น คนนึงอยู่บ้าน คนนึงทำงาน ต่างคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบ มันคงยากขึ้นในการจัดการ แต่เรื่องการบริหารเวลามันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องจิตใจที่มีให้กัน

ถ้าภรรยาดูอยู่อยากจะบอกอะไร ?

มาร์ค : รู้นะว่าดูอยู่

ถามเรื่องคู่จิ้นกับหลานน้องไอติม ?

มาร์ค : จริงๆก็หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเค้าก็ตัดสินใจเข้ามาสู่การเมืองก็ไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับผม เข้ามาที่พรรคก็มีคนบอกว่าหน้าตาก็คล้ายๆกัน วิธีการพูดจาก็คล้ายกัน เค้าก็กังวลเพราะเค้าก็อยากเป็นตัวของตัวเอง เพราะเค้าก็คิดว่าไม่ได้จะมาทำอะไรเหมือนผม ในที่สุดก็ต้องไปหาเสียงด้วยกันบ้าง

มีการแนะนำอะไรบ้างมั้ย ?

มาร์ค : ไม่มีเลยครับ เค้าเก่งกว่านะ เรียนหนังสือก็เก่งกว่าผม เรียนรู้อะไรเร็วมาก เค้าอาจจะไม่เคยทราบที่มาที่ไปเรื่องนั้น เรื่องนี้เค้าก็จะถามผม เป็นมายังไง ผมคิดยังไง เค้าก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง

พี่มาร์คคิดว่าระหว่างพี่มาร์คกับน้องไอติมในวัยรุ่นเดียวกันใครหล่อกว่ากัน ?

มาร์ค : ผมก็จะตอบอย่างนักการเมืองว่า ให้ประชาชนตัดสิน

เคยรู้สึกมั้ยว่า หลานตั้งแต่เด็กจนโตเค้าแอบมองเราอยู่ ?

มาร์ค : ไม่เลยครับ เจอเค้าตอนเล็กๆ พอเค้าไปเรียนต่างประเทศก็แทบไม่เจอเค้าเลย เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเรียนโรงเรียนเดียวกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน วิชาเดียวกัน มีช่วงเค้ากลับมาเค้ามาของฝึกงานที่พรรค แต่ก็ยังไม่ทราบนะว่าเค้าจะเข้าการเมืองมั้ย จนปีที่แล้วเค้าก็บอกว่าจะสมัคร ส.ส.

ภูมิใจมั้ยหลานมาเส้นเดียวกับเราเลย?

มาร์ค : ก็ดีใจนะ เป็นหลานแหละ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจสูง

อีก 10 ปีข้างหน้าอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน ?

มาร์ค : สำหรับผม 10 ปี อาจดูเหมือนนาน แต่ไม่นาน ในแง่กายภาพก่อน การมีสิ่งอำนวยความสะดวก ความทันสมัย เราก้าวทันเค้า แต่ผมยังอยากเห็นปประเทศไทยที่ยังรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสังคมไทยเอาไว้ ปล้วเราก็อยากจะเห็นการแก้ปัญหาที่มันหมักหมมมานาน ๆ เรื่องเศรษฐกิจ ที่มันมีความเหลื่อมล้ำสูง อยากเห็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันมากกว่านี้ มีสวัสดิการที่ดี โดยเฉพาะเรากำลังจะเป็นสังคมที่มีคนสูงวัยเยอะมาก การเมืองก็อยากให้ดีกว่านี้ อยากให้ลดการขัดแย้ง การสร้างการเกลียดชัง มาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.35-14.35น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ มาร์ค อภิสิทธิ์ https://www.youtube.com/watch?v=OIiJRMhHJRQ&feature=youtu.be