นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปัญหาสภาวะฝนแล้งและการกระจายตัวของฝนไม่สม่ำเสมอ เป็นปัญหาสำคัญของการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทย ส่งผลให้ผลผลิตรวมของทั้งประเทศลดลง การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความทนทานต่อสภาพแล้ง เหมาะสมกับฤดูปลูก รวมถึงมีอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมกับระบบการปลูกพืช เป็นแนวทางหนึ่งในการลดความเสียหายของผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสภาพการกระจายของฝนที่ไม่แน่นอนได้
ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ให้มีความทนทานต่อสภาพแล้ง เหมาะสมกับฤดูปลูก มีอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมกับระบบการปลูกพืช ต้านทานต่อโรคทางใบที่สำคัญ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกร โดยได้ดำเนินการคัดเลือกตามขั้นตอนปรับปรุงพันธุ์ จนประสบความสำเร็จได้พันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ใหม่จำนวน 2 พันธุ์ คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 4 และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 5 โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้ง 2 พันธุ์ได้ผ่านการพิจารณาเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตรแล้ว
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 4 เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยว อายุยาว สามารถเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 110-120 วัน เกิดจากการผสมข้ามระหว่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ตากฟ้า 1 เป็นพันธุ์แม่ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์แท้ Nei 452006 เป็นพันธุ์พ่อ ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 1,092 กิโลกรัมต่อไร่ มีความทนทานแล้งในระยะออกดอก เก็บเกี่ยวด้วยมือง่าย สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ดอน ดินมีการระบายน้ำดีสภาพดินไม่เป็นกรด หรือด่างมากเกินไป
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์นครสวรรค์ 5 เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมเดี่ยว อายุค่อนข้างสั้น สามารถเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 95-100 วัน ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ มีความทนทานแล้งในระยะออกดอก มีความต้านทานต่อโรคทางใบที่สำคัญ ต้านทานโรคใบไหม้แผลใหญ่และโรคราสนิม สามารถเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นที่อายุ 95-100 วัน ฝักแห้งเร็ว หรือมีความชื้นขณะเก็บเกี่ยวน้อยกว่าพันธุ์อื่นๆ ในขณะที่ต้นยังเขียวสด สามารถปลูกในพื้นที่หลังนาที่มีการให้น้ำชลประทาน แหล่งปลูกที่เกษตรกรต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิตเร็วเพื่อปลูกพืชตาม หรือแหล่งปลูกที่มีการระบาดของโรคใบไหม้แผลใหญ่ในภาคเหนือของไทย
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท กรมวิชาการเกษตร ยังได้ประสบความสำเร็จในการศึกษาวิจัยปรับปรุงพันธุ์ ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2 ซึ่งผ่านการพิจารณาเป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตรเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 โดยมีลักษณะเด่น คือให้ผลผลิตฝักทั้งเปลือก 2,132 กิโลกรัมต่อไร่ และฝักปอกเปลือก 1,306 กิโลกรัมต่อไร่ เมล็ดมีสีขาวม่วง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค คุณภาพเหนียวนุ่ม เหมาะกับการรับประทานฝักสด และปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อม
ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรพร้อมที่จะเปิดตัวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลูกผสมพันธุ์ใหม่ทั้ง 2 พันธุ์และข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมพันธุ์ชัยนาท 2 ในการประชุมวิชาการข้าวโพด-ข้าวฟ่าง ครั้งที่ 39 ซึ่งเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งการประชุมในปี 2562 นี้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นเจ้าภาพในการจัดงานระหว่างวันที่ 27 – 29 สิงหาคม 2562 ณ โรงแรมลพบุรี อินน์ รีสอร์ท จังหวัดลพบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ผลงานวิจัย และความรู้ใหม่ ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคลากรในทุกภาคส่วนที่อยู่ในวงการข้าวโพดและข้าวฟ่างของประเทศไทย
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit