งานเสวนาครั้งนี้ได้มุ่งเน้นถึงแนวโน้มของตลาดโลจิสติกส์ และกลยุทธ์ของลาล่ามูฟที่นำมาใช้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม นายสันทิตได้พูดถึงความสำคัญในการคัดเลือกพันธมิตรโลจิสติกส์ที่ต้องมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจได้ เพื่อดำเนินการจัดส่งตามคำสั่งซื้ออย่างมีประสิทธิภาพ การที่ลาล่ามูฟเข้าใจถึงความแตกต่างด้านพฤติกรรมและวัฒนธรรมของผู้บริโภค รวมไปถึงสภาพแวดล้อมของธุรกิจในแต่ละประเทศอาทิ สิงคโปร์ จีน ไทย ไต้หวัน และฮ่องกง ทำให้สามารถเข้าถึงโอกาสที่จะนำเสนอบริการใหม่ๆ ก่อนธุรกิจบริการขนส่งอื่น เช่น บริการต่อคิวซื้อบัตรคอนเสิร์ตในประเทศฟิลิปินส์ และการดำเนินการด้านเอกสาร (document processing service) ในประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งนายสันทิตได้เล่าถึงประสบการณ์ในประเทศฟิลิปปินส์ว่า "โดยรวมการบริการทั่วไปในเมืองมะนิลาค่อนข้างขาดประสิทธิภาพ ตอนได้ลองเข้ารับบริการโทรศัพท์มือถือระบบรายเดือน ต้องต่อคิวนานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของที่นั่น ดังนั้นการให้บริการการเข้าคิวเลยเป็นที่นิยมอย่างมาก"
ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นโดยสัดส่วนผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์คิดเป็น 10%-20% ของ GDP ประเทศไทย นอกเหนือจากนั้น ด้านภาครัฐควรมีนโยบายในการใช้กฎระเบียบที่คลอบคลุมสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพในภาคเอกชนรวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานของระบบขนส่ง นายสันทิตกล่าวเพิ่มเติมว่า การบริการขนส่งในภายหน้าอาจกลายเป็นระบบที่ให้ความสะดวกรวดเร็วในราคาที่ถูกลง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit