เทรนด์ไมโครมียุทธศาสตร์ที่ต้องการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์โดยที่ไม่กระทบกับกิจกรรมของลูกค้าที่ทำกับธุรกิจ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการนี้เกิดขึ้นจากการพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ของเทรนด์ไมโครอย่างต่อเนื่อง ที่ต้องการเติมเต็มความสามารถเพิ่มเติมในด้านการตรวจหาและแก้ไขปัญหาด้านการตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ที่หลากหลายได้แบบอัตโนมัติ รวมทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายพร้อม ๆ กับรักษาความสอดคล้องตามข้อกำหนดและมาตรฐานอุตสาหกรรมชั้นนำอย่างเช่น PCI, GDPR, HIPAA, และ NIST ได้ด้วย
"เราได้ให้ความสำคัญมากกับการพัฒนาระบบความปลอดภัยแบบบูรณาการสำหรับคลาวด์มาตั้งแต่เริ่มมีเทคโนโลยีดังกล่าวมาเกือบทศวรรษ ซึ่งเราต่างจากผู้จำหน่ายรายอื่นที่ปัจจุบันเอาแต่มองหาวิธีผสานเทคโนโลยีคลาวด์ที่แตกต่างกันมาอยู่ด้วยกันอีกทีหนึ่ง" Eva Chen ซีอีโอของเทรนด์ไมโครกล่าว "ยิ่งมีองค์กรย้ายขึ้นไปอยู่บนคลาวด์มากเท่าไร ลูกค้าของเราก็ยิ่งรู้สึกว่าการใช้งานคลาวด์ของตนเองตกอยู่ในความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัท Cloud Conformity ในฐานะพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีกับ AWS ที่ได้รับยกย่องให้เป็น Partner of the Year 2019 นั้นเข้าใจถึงรายละเอียดและความเสี่ยงเหล่านี้เป็นอย่างดี สามารถเติมเต็มผลิตภัณฑ์และบริการของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เราสามารถมอบคุณค่าที่มากขึ้นนี้แก่ลูกค้าได้ทันที ถือว่าบริษัทนี้เหมาะกับเทรนด์ไมโครอย่างยิ่งทั้งด้านคนและเทคโนโลยี"
สำหรับการเข้าซื้อกิจการนั้น เรื่องของบุคลากรถือว่ามีความสำคัญเทียบเท่ากับเทคโนโลยี ซึ่งทางเทรนด์ไมโครก็เตรียมที่จะสร้างการเติบโตให้กับทั้งสองด้านในฐานะยุทธศาสตร์ความปลอดภัยบนคลาวด์ชั้นนำของตลาด จากการที่พนักงานของ Cloud Confomity ทุกคนได้นำเอาทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ควบคู่กับเทคโนโลยีมาช่วยให้ธุรกิจของทุกคนทำงานบนคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย ไม่เพียงแค่เพิ่มความปลอดภัยแต่เพียงอย่างเดียว
จากข้อมูลของ Gartner ระบุว่า "เมื่อมองไปถึงปี 2023 คาดการณ์ว่าปัญหาด้านความปลอดภัยบนคลาวด์กว่า 99% จะเกิดจากความผิดพลาดของลูกค้าทั้งสิ้น" 1 นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "และคาดว่าในปี 2024 องค์กรทั้งหลายที่วางระบบ CSPM หรือนำระบบดังกล่าวมาใช้พัฒนานั้น จะสามารถลดปัญหาความปลอดภัยที่เกี่ยวกับคลาวด์ที่มาจากการตั้งค่าผิดพลาดได้ถึง 80%"1 ซึ่งชุดบริการความปลอดภัยบนคลาวด์ที่ครอบคลุมของเทรนด์ไมโครจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ธุรกิจต่าง ๆ ว่าความเสี่ยงของพวกเขาได้ถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากลไปพร้อมกัน
"การที่เราสามารถขยายระบบบน AWS มากขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากการใช้ทูลของ Cloud Conformity เพื่อจัดการทั้งด้านความปลอดภัยและการสอดคล้องตามข้อกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการปรับเปลี่ยนขนาดของระบบเรา" Russell Jones หัวหน้าสถาปนิกของ Virgin Australia กล่าว "ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาได้ให้ความสามารถที่ยอดเยี่ยมมากมายไม่ว่าจะเป็นด้านการมองเห็นที่ดีกว่า, การยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน, และการประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะเติบโตไปได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง"
"จากงานวิจัยของเรานั้นเห็นได้ชัดว่า องค์กรทุกขนาดต่างหันมาใช้คลาวด์ในการให้บริการลูกค้า ซึ่งมักไม่ได้ใช้แค่ส่วนของการประมวลผลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสตอเรจ, การรับส่งข้อความ, และบริการอื่นอีกมากมาย" Fernando Montenegroหัวหน้านักวิเคราะห์ของ 451 Research กล่าว "การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ทำให้เทรนด์ไมโครสามารถขยายบริการด้านความปลอดภัยให้แก่องค์กรที่มองหาตัวช่วยด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ที่มากกว่าแค่การรักษาความปลอดภัยโหลดงานที่ประมวลผลอยู่ได้"
"เราตื่นเต้นมากที่ได้รับโอกาสนี้จากการเป็นส่วนหนึ่งของผู้ให้บริการความปลอดภัยบนคลาวด์ชั้นนำ ที่เป็นการยกระดับสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดอยู่แล้ว รวมทั้งช่วยขยายขอบเขตของผลิตภัณฑ์และบริการของเราในระดับที่เราเคยไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองมาก่อน" Michael Watts ซีอีโอของ Cloud Conformity กล่าว "เราหวังว่าลูกค้าจะชื่นชอบระบบรักษาความปลอดภัยและการทำให้สอดคล้องตามมาตรฐานที่ใช้งานได้ง่ายเช่นนี้ทั่วทั้งสภาพแวดล้อมบนคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure, หรือ Google Cloud เปิดโอกาสให้เราได้เป็นผู้พาพวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้เร็วมากขึ้น ทำได้มากขึ้น อย่างปลอดภัย"
ขณะนี้เทรนด์ไมโครกำลังเตรียมวางจำหน่ายโซลูชั่นของ Cloud Conformity โดยเร็วที่สุด สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมนั้น สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://trendmicro.com/cloudconformity
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit