นายอาฤทธิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กทม. กล่าวกรณีใน
สื่อสังคมออนไลน์วิจารณ์ เครื่องพ่นหมอกไอน้ำบริเวณหน้า
สวนจตุจักร กลายเป็นที่ทิ้งขยะของผู้
สัญจรไปมา โดยส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีถังขยะในบริเวณดังกล่าว ว่า สำนักงานเขตจตุจักรได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบทิ้งขยะไว้ที่เครื่องพ่นหมอกไอน้ำ โดยติดป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามทิ้งขยะที่เครื่องพ่นหมอกไอน้ำ รวมถึงขอความร่วมมือวินรถจักรยานยนต์รับจ้างและประชาชนช่วยสอดส่องดูแล ไม่ให้มีการทิ้งขยะที่เครื่องพ่นหมอกไอน้ำและพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลเครื่องพ่นหมอกไอน้ำให้มีสภาพพร้อมใช้งาน รวมทั้งกวดขันหากพบผู้ฝ่าฝืนทิ้งขยะที่เครื่องพ่นหมอกไอน้ำให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ ได้เพิ่มถังรองรับมูลฝอย บริเวณจุดขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) จตุจักร และป้ายรถโดยสารประจำทางสาธารณะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการทิ้งมูลฝอย พร้อมเพิ่มรอบจัดเก็บขยะมูลฝอย โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ เป็นวันละ 3 รอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขยะตกค้างในพื้นที่
นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. เปิดเผยว่า กทม. มีนโยบายในการตั้งถังรองรับมูลฝอยในถนนสายหลัก/สายรอง โดยสำนักงานเขตจะพิจารณาความเหมาะสมในการตั้งถังรองรับมูลฝอยในบริเวณที่ประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมาก เช่น ป้ายหยุดรถโดยสารประจำทาง หน้าห้างสรรพสินค้า ตลาดโดยตั้งถังแยกประเภทอย่างน้อย 2 ประเภท ได้แก่ มูลฝอยทั่วไป (สติกเกอร์สีน้ำเงิน) และมูลฝอยรีไซเคิล (สติกเกอร์สีเหลือง) ส่วนในย่านชุมชนสำนักงานเขตจะนำถังรองรับมูลฝอย ขนาด 130 ลิตร หรือ 240 ลิตร ไปตั้งวางเพื่อรวบรวมมูลฝอย โดยใช้ถังสีน้ำเงินสำหรับมูลฝอยทั่วไป ถังสีเหลืองสำหรับมูลฝอยรีไซเคิล และถังสีส้มสำหรับมูลฝอยอันตราย ขณะเดียวกันสำนักงานเขตได้พิจารณาเพิ่มความถี่การจัดเก็บตามความเหมาะสม โดยกำหนดเวลาการทิ้งมูลฝอยของประชาชนและจัดเก็บตามเวลาที่กำหนด อีกทั้งได้รณรงค์ให้ประชาชนลดและคัดแยกมูลฝอย รวมถึงทิ้งมูลฝอยตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้การจัดการมูลฝอยของ กทม. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ